หุ้นไทยลงไม่ถึง 1% ดีกว่าเอเชีย “เอเซียพลัส” คัด 15 ตัวชั้นเยี่ยม

HoonSmart.com>> หุ้นโลกร่วง ไทยลงไม่ถึง 1% ค่าเงินบาทอ่อนหลังกนง.คงดอกเบี้ย กังวลสงครามการค้า “ก้องเกียรติ” มองดีสำหรับบจ.บางแห่ง หลายบริษัทแข็งแกร่ง ลุ้นกำไรบจ.โดดเด่นดึงเงินทุนไหลเข้า ค่ายไทยพาณิชย์หวังการเมืองหนุนหุ้นสัปดาห์นี้ บล.เอเซียพลัสแนะซื้อหุ้นหลบภัย หวังอัตราผลตอบแทนสูง SAT-SEAFCO-QH-PYLON-RJH-SCCC-TPIPP-EASTW-BDMS-M-DRT ส่วนหุ้นได้แรงหนุนมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาล BJC-ROBINS-ERW-CENTEL

ดัชนีดาวโจนส์ทรุด 473 จุดคิดเป็น 1.79% กดดันให้ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งร่วงลงแรงมากกว่า 1% อาทิ ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง ส่วนดัชนีหุ้นไทยติดลบ 15.67 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 1,654.01 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายมากถึง 55,621.14 ล้านบาท โดยมีแรงขายหุ้นที่นักลงทุนผิดหวังผลกำไรไตรมาส 1/2562 ขณะที่สถาบันทิ้ง 2,098 ล้านบาท ตามด้วยต่างประเทศขายสุทธิ 1,885 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 3,004 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซียพลัส กล่าวว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยทั้งหมด บริษัทจดทะเบียน(บจ.) บางแห่งกลับได้ประโยชน์ และบจ.ยังมีซีอีโอเก่งหลายคน มีการย้ายฐานไปลงทุนทั่วโลก มีการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ธุรกิจค้าปลีกรวมถึงสินค้าอาหารและเกษตร ขยายออกไปต่างประเทศ ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงาน

อย่างไรก็ตามสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ และการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาลช้ากว่าที่คาด ไม่เป็นผลดี ส่วนเงินทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาเมื่อไร ยังต้องรอ เพราะตลาดหุ้นไทยถูกจัดชั้นที่ 3 เป็นรองจากสหรัฐอเมริกา และจีน หากเงินทุนจะเข้ามา กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะต้องโดดเด่น แต่ราคาหุ้นไทยถือว่าแพงกว่าจีน เช่น ธนาคารของจีนซื้อขายที่พี/อี 7 เท่าเท่านั้น

ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส ประเมินว่า ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 1660-1675 จุด จึงต้องหันหามาหุ้นหลุมหลบภัยจากสงครามการค้า คือหุ้นที่พึงพากำลังซื้อในประเทศ โดยเฉพาะบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของรัฐบาล โดยมี 4 บริษัท รวมถึงหุ้นอีก 11 ตัว  บริษัทที่มีแนวโน้มกำไรดี ราคาหุ้นยังต่ำกว่าเป้าหมายมาก และให้อัตราผลตอบแทนปันผลสูง

สำหรับสงครามการค้าที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นภูมิภาคและไทยร่วงลง ยังสร้างความกังวลต่อความต้องการน้ำมันที่ลดลงด้วย กดดันราคาน้ำมันดูไบลดลงอีก 2% มาที่ 67 เหรียญ/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง

ทางด้านค่ายไทยพาณิชย์ คาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ยังคงให้น้ำหนักมากกับประเด็นการเมือง หากชัดเจนขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลบวก อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้า หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันดิบ และการประกาศผลประกอบการของบจ.ในไตรมาส 1/2562

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีความเห็นว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 8 พ.ค. 2562 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% ตามที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ระดับ 31.80 ต่อดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทแข็งค่า 2.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในเอเชีย