HoonSmart.com>>นักลงทุนเทหุ้น MTC ร่วงกว่า 6% หลังผลงานไตรมาสแรกกำไรออกมาต่ำกว่าโบรกเกอร์ ประเมินไว้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงแรงกว่าคาด CNS หั่น 3-5% ของเป้าหมายทั้งปี สอดคล้อง CGS-CIMB ปรับคำแนะนำเป็น ถือ อัพไซด์หุ้นจำกัด
ความเคลื่อนไหวหุ้นบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เช้าวันที่ 8 พ.ค.2562 ปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดตลาด ล่าสุดเวลา 10.21 น. อยู่ที่ 47.75 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ -6.37% มูลค่าการซื้อขาย 439.05 ล้านบาท อันดับหนึ่งของตลาด จากราคาเปิดตลาดที่ 48.50 บาท และขึ้นแตะสูงสุด 48.75 บาท ต่ำสุดอยู่ที่ 46.7ุ5 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน (CNS) ระบุว่า มีมุมมอง slightly negative ต่อกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2562 ที่ 1,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์ CNS และตลาดคาดเล็กน้อย จากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลงแรงกว่าคาด โดยกำไรเพิ่มขึ้น 21% จากงวดปีก่อน ตามการเติบโตของสินเชื่อ รวมถึงการตั้งสำรองลดลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น แต่กำไรเพียงทรงตัวจากไตรมาส 4/2561 เพราะ NIM ลดลง
สำหรับไตรมาส 2/2562 คาดกำไรโตได้จากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาส 1/2562 ตามสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น แต่คาดการณ์โตไม่เด่น กดดันจาก NIM ที่ลดลงต่อเนื่อง คาดว่า yield จะเริ่มทรงตัวได้ในครึ่งหลังของปี 2562 อย่างไรก็ตามแม้ MTC ยังคงควบคุมคุณภาพพอร์ตได้ดี แต่จากประมาณการทั้งปี 2562 อาจมีดาวน์ไซด์ 3-5% จาก yield ที่ต่ำกว่าคาด รวมถึงราคาตลาดเทียบราคาเป้าหมายของ CNS ซึ่ง upside จำกัด จึงปรับคำแนะนำลงเป็น Neutral ราคาเป้าหมาย 57 บาท
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุว่า นักลงทุนเทขายหุ้นทำกำไรในระยะสั้น หลัง MTC กำไรออกมาต่ำกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ 5% เพราะอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเชื่อว่า NIM ลงไปแตะจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/2562 และน่าจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 3/2562 จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อที่มีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าและต้นทุนเงินทุนที่ลดลง จึงปรับลดคำแนะนำของ MTC เป็น “ถือ” เพราะยังไม่เห็นปัจจัยบวกที่จะช่วยผลักดันราคาหุ้นในระยะสั้น
ส่วน upside ต่อกำไร คือ NIM ที่สูงกว่าคาด จากการรุกธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ สำหรับราคาเป้าหมาย 53 บาท
ด้านนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์เบอร์หนึ่งของเมืองไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 1,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.50% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 834 ล้านบาท และมีสินเชื่อคงค้าง จำนวน 50,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 38,012 ล้านบาท เติบโตตามเป้าที่บริษัทตั้งไว้
ขณะที่จำนวนสาขา ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 อยู่ที่ 3,444 สาขา จากวันที่ 31 ธันวาคม 2561 อยู่ที่ 3,279 สาขา โดยยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในไตรมาส 1/62 อยูที่ 25,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.31% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 16,875 ล้านบาท
“ยอดปล่อยสินเชื่อและสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างโดดเด่น ได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายสาขาใหม่ สอดรับกับความต้องการของลูกค้า ที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อ และที่สำคัญจุดแข็งของเรา สามารถอนุมัติเงินกู้ได้อย่างรวดเร็ว และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำสุดในระบบ ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการสินเชื่อเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาเพิ่มจำนวน 600 สาขา และในปี 2563 เปิดเพิ่มอีก 600 สาขา ส่งผลให้มีสาขาทั้งหมดกว่า 4,500 สาขา ทั่วประเทศ ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม จากปัจจุบันมีสาขาจำนวน 3,444 สาขา”นายชูชาติ กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร MTC กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยในช่วงครึ่งปีหลัง MTC เตรียมบุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งมั่นใจว่าจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันรายได้และกำไรในอนาคต เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน เนื่องจากมีฐานลูกค้ามากกว่า 2 ล้านราย รองรับแผนปล่อยกู้ และมั่นใจว่า แนวโน้มรายได้และกำไรจะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และวางเป้าหมายคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่เกิน 2% เมื่อเทียบกับสินเชื่อรวม
นอกจากนี้ หลักเกณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ หรือ P-Loan ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศใช้ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้กับ MTC เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีทั้งสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่งตามเกณฑ์ใหม่ กำหนดเพดานดอกเบี้ยไว้ที่ 28% โดยปัจจุบันบริษัทฯคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 23% ทำให้มีช่องว่างในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น