HoonSmart>>CKP สร้างกำไรสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 599 ล้านบาท จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบต่อเนื่อง โรงไฟฟ้าลูกเพิ่มอีก 2 แห่ง พร้อมเดินหน้าตามแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อีก 1,291.75 เมกะวัตต์ ภายในไตรมาส 4/ 2562
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์(CKP) หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าพลังน้ำพลังความร้อนร่วม และพลังแสงอาทิตย์ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศเปิดเผยว่า ปี 2561 ที่ผ่านมา เป็นปีที่บริษัทสามารถทุบสถิติสร้างนิวไฮทั้งรายได้และกำไร สะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีก่อนเป็น 9,115 ล้านบาท จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ซึ่งปีที่ผ่านมาเป็นปีที่มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในรอบ 70 ปี รวมทั้งรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 เต็มปี นอกจากนี้โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ยังได้ออกหุ้นกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 599 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277% จากปีก่อน
ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มใน บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี อีก 7.5% ของทุนจดทะเบียน มูลค่า 2,065 ล้านบาท ทำให้ถือหุ้นทั้งสิ้น 37.5% ช่วยเสริมให้ผลประกอบการในอนาคตมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ณ สิ้นปี 2561 การก่อสร้างโครงการคืบหน้าไปแล้ว 97% คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD)ตามแผนได้ภายในไตรมาส 4/ 2562
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาและบนพื้นดิน เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชน จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 6.75 เมกะวัตต์ เริ่มทยอยก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 โดยเดือนก.พ. 2562 ได้มีการจ่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการแล้ว 1 โครงการ ที่ขนาดกำลังการผลิต 0.9 เมกะวัตต์ และอีก 5 โครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ครบทั้งหมดในปี 2562
“ผลประกอบการของปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นที่น่าพอใจ บริษัทฯไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อก้าวเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดของประเทศและในภูมิภาคอาเซียน และยังคงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศเพื่อสนับสนุนเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งที่ 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568” นายธนวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.028 บาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน