HoonSmart>>สตาร์ ปิโตรเลียมฯ มีกำไรสุทธิแค่ 2,263 ล้านบาท ปี 2561 เจอขาดทุนไตรมาส 4 กว่า 3,881 ล้านบาท งดปันผลครึ่งปีหลัง บริษัทวางแผนปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่พ.ย.-ธ.ค. พร้อมเดินหน้าโครงการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 10,000 บาร์เรลต่อวัน วางแผนใช้เงินลงทุนปีนี้ 8 พันล้านบาท ยันไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)แจ้งว่า ปี 2561 มีกำไรสุทธิเพียง 2,263 ล้านบาท หายไป 6,632 ล้านบาทหรือทรุดลง 74% จากที่มีกำไรสุทธิ 8,895 ล้านบาทในปี 2560
มร. ทิโมธี อลัน พอตเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPRC เปิดเผยว่า ไตรมาส 4/2561 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 3,881 ล้านบาทพลิกจากไตรมาส 3 ที่มีกำไรสุทธิ 1,248 ล้านบาท และส่งผลต่อภาพรวมทั้งปี เนื่องจากได้รับผลกระทบหลักจากค่าการกลั่นทางการตลาดที่ลดลง การขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และการขาดทุนจากการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือเป็นมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับ
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 4 ยังคงมีอัตราการใช้กำลังการผลิตถึง 100% ของกำลังการกลั่นน้ำมัน หรือ 165.3 พันบาร์เรลต่อวัน และประสบความสำเร็จในการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยโดยไม่มีการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานสูงถึง 18.1 ล้านชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5.5 ปี และ 2.3 ล้านชั่วโมงนับจากการเกิดการบาดเจ็บขั้นบันทึกครั้งสุดท้าย
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2562 มร. ทิโมธี กล่าวว่า SPRC วางแผนการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2562 แต่จะแจ้งเวลาที่แน่นอนในไตรมาส 2 และวางแผนดำเนินงานเป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อลูกค้าและความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศ พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มความเชื่อถือได้ และให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย สามารถปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัยและมีความเชื่อถือได้สูง กลั่นน้ำมันดิบได้หลากหลาย ขยายระยะเวลาในการซ่อมบำรุง สามารถรักษาระดับความพร้อมใช้ของหน่วยการผลิต และอัตราการกลั่นที่ใช้จริง ทำให้บริษัทฯ สามารถมีผลการปฏิบัติงานอยู่ในระดับต้น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและคาบสมุทรอินเดีย ทั้งนี้บริษัทปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนก.พ. 2557
นอกจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่แล้ว SPRC ยังมีโครงการเพิ่มกำลังการผลิตในหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) และหน่วยผลิตปลายน้ำอื่น ๆ จาก 165,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 175,000 บาร์เรลต่อวัน จะสามารถสร้างรายได้ทันทีหลังเสร็จสิ้นโครงการในเดือนธ.ค.2562 โดยมีงบประมาณทั้งหมดประมาณ 256 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท คาดว่าจะไม่มีการเพิ่มทุน ใด ๆ ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และแสวงหาโอกาสต่าง ๆ ที่จะขยายช่องทางธุรกิจ
ทางด้านการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติงดจ่ายเงินปันผลจากผลงานในครึ่งหลังของปี 2561 หลังจากจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.5928 บาทเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2561 มากกว่ากำไรต่อหุ้นทั้งปี 0.52 บาท
การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลตอนนั้น เป็นการจ่ายหลังจากการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทโดยการอนุมัติเป็นไปตามนโยบายจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯในอัตราส่วนไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิภายหลังจากการจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภท และขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดที่แท้จริง กระแสเงินสดในอนาคต ภาวะของตลาด และความจำเป็นในการใช้เงินทุนในอนาคต