HoonSmart.com>>”เถ้าแก่น้อยฯ” ตั้งเป้ายอดขายโต 10-15% หนุนกำไรดีกว่าปีก่อน หลังเปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายในจีน บุกหนักออนไลน์ ขยายตลาดในสหรัฐ ด้านสาหร่าย วัตถุดิบหลักราคาลดลง หนุนมาร์จิ้นเพิ่มและได้ผลดีเงินบาทแข็ง
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น TKN ที่ปรับตัวลดลง มองว่าเกิดจากความกังวลผลประกอบการในปี 61 ซึ่งกำไรลดลง ซึ่งปีนี้บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการทำให้กำไรเติบโต โดยคาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 459 ล้านบาท เนื่องจากราคาสาหร่าย ซึ่งเป็นวัตถุดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 15% จากปีก่อน และมีโอกาสลดลงได้อีก รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้า
“หากราคาสาหร่ายปรับตัวลงไปอีก บริษัทฯ ก็จะเข้าซื้อเพิ่ม เพื่อให้ครอบคลุมการใช้วัตถุดิบทั้งปี 63 ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯ มีสาหร่ายรองรับการผลิตได้ถึงกลางปี 63” นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
นอกจากนี้คาดว่ายอดขายในจีนน่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังจากบริษัทได้ตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ในจีน แทนรายเดิม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดออนไลน์ ที่ถือเป็นหัวใจหลักของการทำยอดขายในประเทศจีน น่าจะส่งผลให้ยอดขายดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/62 อีกทั้งบริษัทฯ ได้เจรจากับตัวแทนจำหน่ายอีก 1 รายในเซี่ยงไฮ้ เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งการทำยอดขายในตลาดต่างประเทศ
สำหรับผลกระทบจากการเปลี่ยนตัวแทนจำหน่าย ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในปี 2561 เพราะต้องเปลี่ยนแพจเกจใหม่ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดทำให้ผลการดำเนินงานลดลง ซึ่งบริษัทฯ ได้แต่งตั้งทนายฟ้องร้องคู่กรณีแล้ว ซึ่งอาจต้องใช้เวลา
นายอิทธิพันธ์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-15% มาจากตลาดในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% โดยมีแผนขยายสาขาเถ้าแก่น้อยแลนด์ และเถ้าแก่น้อยแลนด์พลัส ในประเทศอย่างต่อเนื่อง จากปี 61 มีสาขาอยู่ที่ 20 สาขา และ 2 สาขา ตามลำดับ รวมทั้งอาจเปิดสาขาร้าน Hinoya Curry เพิ่มหลังจากเปิดตัวสัปดาห์ก่อนได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากนี้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยจะมุ่งเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น สาหร่ายอบ เป็นต้น ซึ่งได้วางงบการตลาดไว้ที่ 5-6% ของยอดขายรวม
สำหรับตลาดต่างประเทศนอกจากประเทศจีนแล้ว จะเน้นในประเทศสหรัฐฯ หลังเข้าซื้อกิจการประเภทขนมในสหรัฐฯ โดยใช้ชื่อแบรนด์ NORA ที่ผ่านมาได้เริ่มวางจำหน่ายไปแล้วในช่วงปลายปี 61 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย, นิวยอร์ก และฮาวาย ได้รับผลตอบรับที่ดี โดยปีนี้มีแผนวางจำหน่ายสินค้าในห้าง Costco ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบมาตรฐานโรงงานที่สหรัฐในรอบที่ 2 หากผ่านก็สามารถนำสินค้าไปวางจำหน่ายได้ ซึ่งปัจจุบัน Costco มีสาขารวม 1,340 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทมองหาการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนพันธมิตรในสหรัฐฯ และจีน โดยในสหรัฐฯ จะเข้าไปร่วมลงทุนกับแบรนด์ท้องถิ่น และสร้างแบรนด์ใหม่ คาดว่าจะชัดเจนในปีนี้ ส่วนประเทศจีน จะร่วมลงทุนกับผู้ดำเนินธุรกิจ คอนซูเมอร์โปรดักส์ ในการขยายช่องทางการขายสินค้าที่ไม่ใช่สาหร่าย ผ่านแบรนด์เถ้าแก่น้อย โดยนำสินค้าในประเทศไทยไปจำหน่ายในจีน