ปตท.สผ. คาดปี 62 ปริมาณขาย 3.18 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มตามบงกช

“ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม” มองแนวโน้มปี 62 ปริมาณขายเฉลี่ยแตะ 3.18 แสนบาร์เรล/วัน จากปีก่อนอยู่ที่ 3.02 แสนบาร์เรล/วัน หลังเข้าลงทุนโครงการบงกชเพิ่ม คาดราคาน้ำมันดิบดูไบ 55-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล พร้อมรักษาต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ประมาณ 32 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือปตท.สผ. คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2562 ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปริมาณการขาย ราคาขายและต้นทุน โดยบริษัทได้ติดตามและปรับเปลี่ยนแนวโน้มผลการดำเนินงานสำหรับปีนี้ให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและสภาพอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป

บริษัทฯ จะพยายามรักษาระดับการผลิตของโครงการในประเทศไทย โดยคาดว่าปริมาณการขายเฉลี่ยของไตรมาส 1/2562 และทั้งปี 2562 อยู่ที่ 309,000 และ 318,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ตามลำดับ เป็นผลมาจากสัดส่วนการลงทุนเพิ่มในโครงการบงกชตั้งแต่กลางปี 2561 ทั้งนี้ บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2562 ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ปริมาณการขายเฉลี่ยปี 2561 อยู่ที่ 3.05 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน

สำหรับราคาขาย ราคาน้ำมันดิบของบริษัทจะผันแปรตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท มีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลังประมาณ 6-12 ดือน ตามลำดับ เป็นผลจากการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

ส่วนการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ณ สิ้นปี 2561 มีปริมาณน้ำมันภายใต้สัญญาประกันความเสี่ยงที่ยังไม่ครบกำหนดอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ บริษัทมีความยืดหยุ่นในการปรับแผนประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันตามความเหมาะสม

ในส่วนของต้นทุนสำหรับไตรมาส 1/2562 และทั้งปี 2562 ปตท.สผ.คาดว่าจะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ประมาณ 32 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ส่วนอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ในปี 62 คาดอยู่ที่ 70-75%ของรายได้จากการขาย

สำหรับแนวโน้มราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบปี 2562 คาดวาจะมีความผันผวนและเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 55-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากปี 2561 จากตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะจีนและความไม่ชัดเจนของข้อยุติเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่สามารถตกลงกันได้

ส่วนสถานการณ์ LNG ในตลาดโลกคาดว่าจะยังคงอยู่ในสภาวะล้นตลาด โดยคาดว่ากำลังการผลิตรวมจากโครงการเดิมและโครงการใหม่จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 เป็น 355 ล้านตัน ในขณะที่อุปสงค์จะอยู่ที่ประมาณ 342 ล้านตัน อีกทั้งราคาน้ามันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ราคา LNG ถูกคาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยตลาดคาดว่าราคา Asian Spot LNG เฉลี่ยจะอยู่ในช่วงระหว่าง 5.89 – 8.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู

อ่านประกอบ

PTTEP ปี 61 กำไร 3.6 หมื่นล้าน พุ่ง 76% ปันผล 3.25 บาท