HoonSmart.com>> “บล.ทิสโก้” คงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 69 ที่ 1,388 จุด Upside ประมาณ 100 จุด ถูกจำกัดด้วยการเติบโตที่ต่ำทั้งทางเศรษฐกิจ-กำไรบจ. ด้าน Downside จำกัดหลังร่วงสวนทางหุ้นโลก 3 ปีซ้อน ! คาดเลือกตั้งในประเทศส่งผลบวกต่อ SET ในระยะสั้น ชู 2 ธีมหลักช่วงต้นปี แนะ “ธีมหุ้นเลือกตั้ง-หุ้นปันผลสูง” พร้อมคัด 8 หุ้นเด่นเดือนม.ค.

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การเมืองในประเทศเดินหน้าสู่การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 น่าจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทยโดยรวมในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศและนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง จากการศึกษาของ บล.ทิสโก้พบว่า ในเชิงสถิติ SET Index ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง (Pre-election Rally) ราว 1-2 เดือนมีโอกาสในการปรับขึ้นราว 53-73% และให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย +2.0% ถึง +2.3% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกและเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง คือ กลุ่ม FOOD, FIN, CONMAT, ENERG และ COMM เป็นต้น
ด้านเศรษฐกิจไทยปี 2569 บล.ทิสโก้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่ำเพียง +1.6% โดย 2 เครื่องยนต์หลักอย่างการส่งออกและการท่องเที่ยวเผชิญความท้าทายจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่สูงขึ้นภายใต้การสู้รบที่ยืดเยื้อบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาและเงินบาทที่แข็งค่ามากในปีที่ผ่านมา ขณะที่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) คาดจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ โดยหากมาตรการ “Fast Pass” สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ตามเป้าราว 4.8 แสนล้านบาท คาดว่าส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจได้ราว 0.6 ppt แต่ในทางกลับกัน หากการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งมีความล่าช้าเกินกว่าไตรมาส 2 ปีนี้ คาดจะส่งผลให้งบประมาณปี 2027 มีความล่าช้ามากกว่า 2 เดือน โดยหากงบประมาณปี 2570 เริ่มเบิกจ่ายได้ในต้นปีถัดไป บล.ทิสโก้ประเมินว่าจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจราว 0.3 ppt
บล.ทิสโก้ยังคงเป้า SET Index ปี 2569 ที่ 1,388 จุด (อิงจาก Fwd. PER เหมาะสมที่ประมาณ 16 เท่า และ EPS ปี 2569-2570 ที่ 81.2 และ 84.9) คิดเป็น Upside ราว 100 จุด ถูกจำกัดด้วยการเติบโตที่ต่ำทั้งทางเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียน
อย่างไรก็ดี บล.ทิสโก้มองหุ้นไทยก็มี Downside จำกัดเช่นกัน หลังร่วงสวนทางหุ้นโลก 3 ปีซ้อน! นอกจากนี้ หุ้นไทยยังต่ำกว่าที่เห็น เพราะถูกหุ้น DELTA บิดเบือนไปมากทั้งระดับราคาและมูลค่า โดยหากไม่นับรวมหุ้น DELTA ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ภาพรวม SET Index ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1,160 จุดเท่านั้น และระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไทยโดยผ่านตัวแบบ Earning Yield Gap ที่ไม่รวมหุ้น DELTA ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะอยู่สูงเกือบ 6% หรือคิดเป็น +2SD ถูกเทียบเท่าช่วงวิกฤติ COVID-19 เลยทีเดียว
“แม้บล.ทิสโก้มอง Upside และ Downside ของตลาดหุ้นไทยปีนี้ค่อนข้างจำกัดอย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งปีแรก แต่มี 2 ธีมการลงทุนหลักที่น่าสนใจในช่วงต้นปีนี้ (1) ธีมหุ้นเลือกตั้ง แนะนำ AEONTS, CPAXT, MC, TASCO (2) ธีมหุ้นปันผลสูง (คาด Div. Yield ที่เหลือปี 25F สูงกว่า 4%) แนะนำ BTG, PRM, PTTEP, SCCC”
หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือน ม.ค. คือ AEONTS, BTG, CPAXT, MC, PRM, PTTEP, SCCC และ TASCO (ทั้งนี้ AEONTS, PRM, PTTEP, TASCO หรือครึ่งหนึ่งของหุ้นแนะนำในเดือนนี้อยู่ใน SETHD Index ด้วย) ด้านแนวรับสำคัญของหุ้นไทยเดือนมกราคม 2569 อยู่ที่ 1,240 – 1,250 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,200 – 1,220 จุด แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,285 จุด 1,300 จุด และ 1,340 จุด ตามลำดับ
ด้านทางเลือกการลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยผ่าน DR เดือนมกราคมนี้ แนะนำ NOVOB80 (Novo Nordisk) และ SMIC23 (Semiconductor Manufacturing International Corp) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตดีและราคาหุ้นมีการย่อตัวในช่วงที่ผ่านมา โดย Novo Nordisk (NOVO_B) ล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้นหลัง FDA อนุมัติยา GLP-1 สำหรับลดน้ำหนัก ทำให้ราคาหุ้นที่ย่อตัวจากจุดสูงสุดในช่วงต้นปีกว่า 50% มีโอกาสฟื้นตัว ในขณะที่ Semiconductor Manufacturing International Corp (981 HK) เป็นบริษัทผู้นำด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของจีนที่กำลังเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นลดลงจากจุดสูงสุดราว 24% ทำให้มีโอกาสในการรีบาวด์สูง และบล.ทิสโก้มองว่าสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอาจเริ่มกลับสู่ปกติมากขึ้น
———————————————————————————————————————————————————–

