ดาวโจนส์ปิดบวก 227 จุด หุ้นเทคโนโลยีขึ้นต่อ

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 227 จุด แรงหนุนส่วนหนึ่งจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมการปรับตัวขึ้นในวงกว้างของเกือบทุกภาคส่วน ราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า 2.6% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 22ธันวาคม 2568 รวมทั้ง ดัชนี S&P500 ดัชนี Nasdaq ปิดบวกในสัปดาห์ที่การซื้อขายที่สั้นลงเนื่องจากมีวันหยุดประจำปี โดยได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และการปรับตัวขึ้นในวงกว้างของเกือบทุกภาคส่วน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 48,362.68 จุด เพิ่มขึ้น 227.79 จุด, +0.47%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,878.49 จุด เพิ่มขึ้น 43.99 จุด, +0.64%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,428.83 จุด เพิ่มขึ้น 121.21 จุด, +0.52%

ภาคเทคโนโลยีฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากช่วงที่ผันผวน โดยหุ้นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์( AI) ช่วยหนุนตลาดโดยรวม แม้นักลงทุนลังเลระหว่างความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่ AI และความกลัวที่จะพลาดโอกาสจากความเฟื่องฟูของ AI แต่ความเชื่อมั่นในธุรกิจ AI พุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากพัฒนาการเชิงบวกของ Oracle และ Nvidia

หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้นกว่า 1% หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทกำลังพิจารณา เริ่มจัดส่งชิป H200 ไปยังประเทศจีนภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกัน หุ้น Micron Technology บวกประมาณ 4% และหุ้น Oracle เพิ่มขึ้นกว่า 3%

หุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 1.6% หลังจากศาลฎีการัฐเดลาแวร์มีคำตัดสินให้คืนสิทธิ์ค่าตอบแทนปี 2018 ให้กับอีลอน มัสก์ ซีอีโอ

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกำลังจับตาดูว่าหุ้น AI จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำต่อไปได้หรือไม่ในช่วงปลายปี ขณะที่หันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ราคาถูกกว่าท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่สูงเกินไป

นอกจากนี้ยังประเมินโอกาสที่จะเกิด Santa Claus Rally หรือ การปรับตัวขึ้นของหุ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เนื่องจากหุ้นกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของปี 2025 และซื้อขายอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากอัตราเงินเฟ้อลดลงเกินคาดและข้อมูลตลาดแรงงานไม่ร้อนแรงนัก ทำให้ยังมีการคาดการณ์เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2026

ปัจจุบันดัชนี S&P 500 ใกล้แตะระดับ 7,000 จุดแล้ว ซึ่งปรับขึ้นประมาณ 17% ในปี 2025 หลังจากที่ปรับขึ้นกว่า 24% และกว่า 23% ในปี 2023 และ 2024 ตามลำดับ

เดือนธันวาคมถือเป็นช่วงเวลาที่แข็งแกร่งสำหรับตลาดหุ้น นับตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมา

การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส (Santa Claus rally) สะท้อนให้เห็นจากดัชนี S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.3% ในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีและ 2 วันทำการแรกของเดือนมกราคม ตามข้อมูลจาก Stock Trader’s Almanac

สัปดาห์นี้จะมีการทยอยเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้าเนื่องจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ข้อมูลส่วนใหญ่จะเผยแพร่ในวันอังคาร โดยข้อมูลสำคัญคือข้อมูลเบื้องต้นของ GDP ไตรมาสที่สาม การอัปเดตดัชนีราคาผู้บริโภค (PCE) สำหรับเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กจะปิดทำการเร็วกว่าปกติในวันพุธ เวลา 13.00 น. ตามเวลาภาคตะวันออก ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสอีฟ และจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีทั้งวันเนื่องในวันคริสต์มาส

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย โดยหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มฉุดดัชนีลง ขณะที่นักลงทุนรับสัปดาห์ที่สั้นลงเนื่องจากวันหยุดด้วยบรรยากาศที่ซบเซาหลังจากปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันก่อนหน้า

ดัชนี STOXX 600 เพิ่มขึ้นกว่า 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ส่งผลให้ความคาดหวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมองเศรษฐกิจยูโรโซนในแง่บวกมากขึ้น

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 586.75 จุด ลดลง 0.75 จุด, -0.13%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,865.97 จุด ลดลง 31.45 จุด, -0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,121.07 จุด ลดลง 30.31 จุด, -0.37%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,283.97 จุด ลดลง 4.43 จุด, -0.02%

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดจะมีความผันผวนบ้าง เนื่องจากสภาพคล่องต่ำในช่วงก่อนวันหยุดยาว

หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ โดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวลงมากที่สุด หุ้น Diageo กลุ่มผู้ผลิตสุราที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลดลง 3.7% หุ้น Pernod Ricard ผู้ผลิตสุราจากฝรั่งเศส และ Anheuser-Busch InBev เจ้าของ Stella Artois ลดลง 2.9% และ 2.5% ตามลำดับ

กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ประกาศมาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าจากสหภาพยุโรป ซึ่งยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างจีนและกลุ่มยุโรปสูงขึ้น สหภาพยุโรปได้กำหนดภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน

กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% หลังจากราคาทองคำพุ่งทะลุ 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก และราคาทองแดงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

หุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการปรับตัวขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง กลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 65% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทำผลงานได้แข็งแกร่งที่สุดในตลาด โดยนักวิเคราะห์ชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการ สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ผ่อนคลายลง และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ

กลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการบินและอวกาศลดลง 0.4% หลังจากปรับตัวขึ้นมากกว่า 3% ในสองช่วงการซื้อขายก่อนหน้า

หุ้นของบริษัทน้ำมันบวก 0.3% ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ

หุ้น Orsted ร่วงลงมากกว่า 12% หลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ระงับสัญญาเช่าโครงการกังหันลมในทะเลขนาดใหญ่ 5 โครงการเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ บริษัทพลังงานของเดนมาร์กแห่งนี้เป็นเจ้าของโครงการที่ได้รับผลกระทบ 2 โครงการ

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจสุดท้ายก่อนสิ้นปี

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.64% ปิดที่ 58.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.65% ปิดที่ 62.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–