HoonSmart.com>>โบรกเกอร์ ฯ ส่องหุ้นพลังงานปี 2569 ธุรกิจโรงไฟฟ้าเด่นสุด ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง, ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงในกลุ่ม Data Center และต้นทุนก๊าซลดลง คาดกำไรกลุ่มฯ ปี 69 จะเติบโต YoY จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจพลังงาน ไม่สดใส หลายปัจจัยยังกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจ และราคาพลังงาน โดยราคาน้ำมันยังมี Downside สเปรดปิโตรฯยังแย่ ค่าการกลั่นคงทำได้แค่ประคองตัว คาดกำไรกลุ่มฯ ปี 69 จะเติบโต YoY จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่นปี 69 ชู PTT, GULF, BGRIM, GPSC, BCPG, OR
ปี 2568 สถานการณ์ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการค้าโลก จากนโยบายการขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจ และราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ 9 เดือนปี 2568 เฉลี่ย 71.3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อ่อนลงจาก 9 เดือนแรกปี 2567 ที่ 81.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทั้งนี้ ทิศทางราคาพลังงานในปี 2569 ดูจะยังไม่สดใส เศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญกับหลายปัจจัยยังไม่คลี่คลาย
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจพลังงานในปี 2569 กลุ่มน้ำมันยังมีทิศทางยังไม่ดี จากราคาน้ำมันที่ยังมี Downside โดยปี 2569 คาดการณ์ราคาน้ำมันไว้ที่ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งกำไรของ PTTEP ในปี 2569 คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับปีนี้ที่คาดจะทำกำไรได้ 60,000 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี และโรงกลั่น คาดว่ากำไรจะฟื้นในปี 2569 เนื่องจากปี 2568 มี Extra Loss จำนวนมาก ส่วน GRM ปี 2568 อยู่ในระดับสูง คาดว่าปี 2569 จะอ่อนตัวลง จากครึ่งหลังปี 2569 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามา อีกทั้งสเปรดปิโตรเคมียังแย่อย่างต่อเนื่อง และธุรกิจโรงกลั่นยังไม่น่าจะดี
อย่างไรก็ดี ธุรกิจโรงไฟฟ้าดูจะน่าสนใจสุดในปี 2569 เนื่องจากได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และต้นทุนก๊าซก็ปรับตัวลงด้วย ขณะที่ธุรกิจสถานนีให้บริการน้ำมัน คาดว่าภาครัฐฯจะไม่เข้าไปยุ่งค่าการตลาดน้ำมัน ทำให้อาจเห็นค่าการตลาดปรับตัวขึ้นในปี 2569 ส่วนวอลุ่มก็ขึ้นเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า รายได้ธุรกิจก๊าซธรรมชาติไทย คาดลดลงในปี 2568 และ 2569 เพราะราคา Pool Gas และความต้องการก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มหดตัว ทั้งนี้ ราคา Pool Gas คาดว่าจะลดลง 3.7% และ 5.2% ตามทิศทางขาลงของราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย
ขณะที่ อุปสงค์ก๊าซธรรมชาติในไทย คาดหดตัว 3.8% และ 3% ในปี 2568 และ 2569 โดยภาคการผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มใช้ก๊าซน้อยลง ตามการนำเข้าไฟฟ้าและการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ส่วนความต้องการภาคขนส่ง (NGV) ก็ยังคงหดตัวจากจำนวนรถ CNG ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายเบญจพล กล่าวอีกว่า หุ้นในกลุ่มพลังงานที่น่าสนใจลงทุนในปี 2569 แนะนำหุ้น GULF ราคาเป้าหมาย 70 บาท หุ้น BGRIM ราคาเป้าหมาย 18 บาท หุ้น OR ราคาเป้าหมาย 20 บาท และ PTT ราคาเป้าหมาย 37 บาท ซึ่งได้ประโยชน์จากโครงสร้างราคาก๊าซที่หันไปใช้ Pool Gas และยังเป็นหุ้น Defensive ให้อัตราผบตอบแทนจากเงินปันผลราว 7%
นายเวทิต ตั้งจินดากุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้ายังมีความน่าสนใจลงทุนได้ในปี 2569 แต่ในไตรมาสแรกปัจจัยบวกลดน้อยลงทำให้ต้องเลือกลงทุนบางตัว และยังได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลงช่วยหนุน โดยให้ BGRIM เป็น Toppick สำหรับไตรมาสแรก ราคาเป้าหมาย 18.1 บาท เนื่องจาก SPP จะมีกำไรดีขึ้น จากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม และมาร์จิ้นก็ดีขึ้นด้วย อีกทั้งได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงมากสุดในกลุ่มฯ และปีหน้ายังมีแผนที่จะขายโครงการอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีหุ้น GULF ราคาเป้าหมาย 55 บาท, GPSC ราคาเป้าหมาย 49 บาท และ BCPG ราคาเป้าหมาย 9.1 บาท ที่แนะนำ ”ซื้อ” ขณะที่หุ้นตัวอื่นมี upside จาก Valuation ไม่มาก
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯถึงมุมมองทิศทางราคาพลังงาน – ปิโตรเคมีปี 2569 ผสมผสาน ยังไม่เข้าสู่โหมดสดใส ประเมินจากราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง YoY คาดอุปทานส่วนเกินมากขึ้นจากการเพิ่มปริมาณผลิตของ Non-OPEC และ Tapering นโยบายลดปริมาณผลิตของ OPEC ทั้งนี้ Geopolitical Risk ในยูเครน, ตะวันออกกลาง, เวเนซุเอลาจะเป็นความไม่แน่นอนทั้งด้านบวก – ลบจากกรณีฐาน และแม้
ปี 2569 จะมีอุปทานจากโรงกลั่นใหม่ และการเร่งใช้อัตราผลิตของโรงกลั่นที่เกิดปัญหาในปีก่อน แต่คาดค่าการกลั่นปี 2569 จะประคองตัว YoY ในระดับแข็งแกร่ง โดยเฉพาะช่วงต้นปี ซึ่งได้แรงหนุนจากการหยุดซ่อมบำรุงหลายแห่ง อุปทานของรัสเซียเกิด Disruption จากการโจมตีของยูเครน และมาตรการคว่ำบาตร ส่วนต่างราคาปิโตรเคมียังอยู่ระดับต่ำ และท้าทายจากอุปทานล้นตลาดจำนวนมาก ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2568 คาดจะเห็นการฟื้นตัวจากฐานต่ำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะคาดเริ่มเห็นการปิดโรงงาน ลดขนาด – ควบรวมธุรกิจจากผู้ผลิตที่ประสิทธิภาพต่ำ
พร้อมคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” แม้ภาวะอุตสาหกรรมยังไม่โดดเด่น แต่คาดกำไรกลุ่มฯ ปี 2569 จะเติบโต YoY จากปัจจัยบวกภายในเฉพาะตัว เช่น การลดค่าใช้จ่าย, เพิ่มประสิทธิภาพ, แผนหยุดซ่อมบำรุงลดลง ฯลฯ นอกจากนี้ กลุ่มฯ ยังมีความน่าสนใจจากการเป็นหุ้น Value Play ที่มูลค่าไม่แพง และมี Dividend Yield สูง เลือก PTT เป็นหุ้นเด่น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 37.50 บาท จากจุดเด่นโครงสร้างธุรกิจครบวงจร ที่ผ่านมาช่วงวิกฤต Shale Oil และ Covid บริษัทฯ ยังสามารถสร้างกำไร จ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ และมีโอกาสรับเม็ดเงินจากโครงการกระตุ้นการออมภาครัฐในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อหุ้นปิโตรเคมี เพราะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น IVL IRPC PTTGC SCC ลดลง 47-67% ทำให้เชิง PBV Valuation มีส่วนลด -1.2 SD ถึง -1.5 SD ถือว่ามีสถานะ Under-owned และ Downside จำกัดแล้ว มองข้ามไปปี 2569 คาดสถานการณ์อุตสาหกรรมทยอยดีขึ้นจากการปิดโรงงานในต่างประเทศ ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง และมี Upside สำคัญ หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนคลี่คลาย
———————————————————————————————————————————————————–

