TGIA คาดปี’69 เบี้ยทะลุ 3 แสนลบ. ‘ภัยพิบัติถี่-EVจีนแซงรถญี่ปุ่น’หนุน

HoonSmart.com>>สมาคมประกันวินาศภัยไทย ชี้ปี 2568 ภัยพิบัติถี่- ความเสียหายรุนแรง-ค่ารักษาพุ่ง-รถ EV จีนแซงรถญี่ปุ่น ปลุกคนไทยแห่ซื้อประกัน คาดปี’69 เบี้ยรวมทะลุ 3 แสนล้านบาท

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย (TGIA) พร้อมคณะกรรมการสมาคมฯ กล่าวว่า ธุรกิจประกันวินาศภัยไทยกำลังเข้าสู่ยุคที่ภัยพิบัติเป็นตัวกำหนดทิศทาง ทั้งการเติบโตของเบี้ยรวมและการปรับโครงสร้างความเสี่ยง ขณะที่ประชาชนตื่นตัวมากขึ้นในการทำประกันภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต

ปี 2568 ประเทศไทยเผชิญภัยพิบัติหลายรูปแบบ ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม และเหตุความไม่สงบชายแดน สร้างผลกระทบวงกว้างและสะท้อนความเปราะบางของโครงสร้างความเสี่ยงในระบบประกันวินาศภัยอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ คาดว่าปี 2568 ธุรกิจประกันวินาศภัย จะมีเบี้ยรับรวม 2.92-2.95 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2-3% โดย 9 เดือนแรกของปีทำได้แล้ว 2.15 แสนล้านบาท โต 2.89% แยกเป็น

ประกันรถยนต์ 1.8 แสนล้านบาท โต 1.58% มีอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) 47.2%

ประกันอัคคีภัย 8,625 ล้านบาท โต 2.67% Loss Ratio อยู่ที่ 122.9%

ประกันทางทะเล 4,950 ล้านบาท ลดลง 5.41% Loss Ratio อยู่ที่ 30.8%

ประกันภัยเบ็ดเตล็ด 82,546 ล้านบาท โต 5.43% Loss Ratio 52.9%

ปี’69 เบี้ยทะลุ 3 แสนล้านบาท

สำหรับ ปี 2569 คาดเบี้ยประกันภัยรับรวม 3.01–3.03 แสนล้านบาท โต 2.5-3.5%

ทั้งนี้ คาดว่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 1.66-1.678 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2-3% ผลจากการคาดว่ายอดขายรถยนต์ใหม่จะเติบโตตามความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีการแข่งขันราคาขายอย่างดุเดือด โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์สันดาปเนื่องจากความเสี่ยงที่สูงกว่าส่งผลให้เบี้ยประกันภัยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ สัดส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยประเภท 1 ที่คาดว่าจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นจากความต้องการความคุ้มครองภัยน้ำท่วมรวมถึงกรมธรรม์ประเภทอื่นต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อความคุ้มครองเพิ่มทำให้เบี้ยประกันภัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

ขณะที่ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับหรือประกันพ.ร.บ.เติบโตตามความเข้มงวดในเรื่องการต่อภาษีและพ.ร.บ.เพิ่มมากขึ้นซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการออกกรมธรรม์ E-Policy ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น

สำหรับ ประกันอัคคีภัยคาดว่าจะมีเบี้ยรวม 1.14 – 1.15 หมื่นล้านบาท โต 4-5% ผลจากการที่ประชาชนเห็นถึงความเสี่ยงของภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น,ราคาเบี้ยประกันภัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการประกันภัยต่อที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและน้ำท่วมภาคใต้ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงและมาตรการของภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยเช่นการลดค่าโอนและจำนองทำให้การซื้อประกันอัคคีภัยเพิ่มสูงขึ้น

จ่อตั้งกองทุนประกันภัยภัยพิบัติ 5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ สมาคมฯร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ศึกษาการจัดตั้ง กองทุนภัยพิบัติ วงเงินเบื้องต้น 5 หมื่นล้านบาท โดยใช้โครงสร้างจากอดีตที่เคยมีช่วงน้ำท่วมใหญ่ เงินกองทุนจะมาจาก 3 ส่วน ภาครัฐ,บริษัทประกันภัย และบริษัทประกันภัยต่อ เพื่อให้สามารถรองรับความเสี่ยงได้มากขึ้น

เนื่องจาก ความเสียหายภัยพิบัติปัจจุบันเกิดขึ้นบ่อย และรุนแรง เช่น น้ำท่วมภาคใต้ปี 2568 มีกรมธรรม์เรียกร้องค่าสินไหม ณ 15 ธ.ค.2568 แล้ว 6.21 หมื่นราย มูลค่าความเสียหายรวม 1.6 หมื่นล้านบาท คาดว่าความเสียหายรวม จะมีประมาณ 2.3–2.7 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ดร.สมพร ยืนยันว่า ไม่กระทบต่อสภาพคล่องและความมั่นคงของบริษัทประกันภัย เนื่องจากอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ของอุตสาหกรรม อยู่ที่ 200% โดยมูลค่าสินไหมหลังการประกันภัยต่อจากเหตุการณ์นี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15- 20%