HoonSmart.com>>”อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะประชุมกอบกู้เศรษฐกิจหาดใหญ่ “เอกนิติ” ยันมหาอุทกภัยหาดใหญ่มีผลกระทบ GDP ไม่มาก แต่มีผลต่อชีวิตคนมาก หมดตัว วันนี้ครม.เศรษฐกิจ อัดยาชุดใหญ่ 1.ลดภาระหนี้ แจกซอฟท์โลน ดอกเบี้ย 0% 2.เพิ่มเงินในกระเป๋า 9,000 บาท 3.ลดค่าใช้จ่าย ธงฟ้า 4.ฟื้นฟูพื้นที่กลับมาเข้มแข็ง ยันไม่แทรกแซงนโยบายการเงิน ร่วมมือธปท.ทำนโยบายเชิงโครงสร้าง ‘สัปดาห์หน้าออกมาตรการกระตุ้นตลาดทุน’ หนุนดัชนี SET พุ่งขึ้น 19.88 จุด ต่างชาติซื้อ 1,239 ล้าน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2568 วันที่ 1 ธ.ค.โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยในช่วงอุทกภัยภาคใต้ โดยเฉพาะอ.หาดใหญ่ จว.สงขลา รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันออกมาตรการต่าง ๆ เพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจ มีผลกระทบอย่างรุนแรงมากต่อเศรษฐกิจทั้งจังหวัดและผู้ประกอบการ จึงมอบหมายให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง รับข้อเสนอไว้เพื่อเร่งจัดทำแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมโดยเร่งด่วนได้ และวันนี้ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมกับทางคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจด้วย
นายเอกนิติกล่าวว่า น้ำท่วมที่หาดใหญ่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพใหญ่ไม่มาก แต่มีผลต่อชีวิตคนมาก เมื่อไม่มีทรัพย์สินก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กันอย่างไรต่อไป ภายหลังน้ำลดสิ่งที่ต้องทำคือการบูรณาการความช่วยเหลือทุกภาคส่วน เพื่อฟื้นฟูชีวิตประชาชนกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว วันนี้จะให้ออกซิเจน เสนอมาตรการเข้าครม.เศรษฐกิจ โดยมีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยเป็นชุดมาตรการที่ประกอบด้วย
1.การลดภาระหนี้ สินเชื่อผ่านความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินของรัฐ และสถาบันการเงินภาคเอกชน
– ช่วยเหลือด้วยมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 12 เดือน โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะยกเว้นการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาการพักชำระหนี้ รายละไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
– การให้สินเชื่อเพื่อเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เป็นสินเชื่อเพิ่มเติมภายใต้วงเงินกู้เดิมกับธนาคาร (ลูกหนี้เดิม) รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก
– การให้สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก
– การสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเสียหาย การยกเว้นภาษีเงินได้
– เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการจะมีซอฟต์โลน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยมี บสย.ค้ำประกันเพื่อประกอบธุรกิจได้
2.การเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชน เงินเยียวยา 9,000 บาท เตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ และหลังเข้าผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้วจะเร่งเบิกจ่ายโดยเร็ว
– ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขยายเงินทดลองเพื่อนำมาใช้จ่ายต่าง ๆ จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อช่วยประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่ ทั้งการจัดครัวจัดอาหารให้กับประชาชนเพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว
– การประกันสินทรัพย์ที่เสียหาย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามการเสียหายที่เกิดขึ้นจริงไม่เกิน 20,000 บาทสำหรับร้านค้าต่าง ๆ ส่วนผู้มีประกัน 30,000 บาท และรถยนต์เคลมเร็ว โดยให้ถ่ายรูปรถยนต์ให้เห็นทะเบียน ระดับน้ำ เพื่อให้เคลมรถยนต์ได้ทันที
– กระทรวงแรงงานจะพบกับผู้ประกอบการ โดยการจะช่วยเหลือแรงงานที่ไม่มีรายได้ เงินนำส่งประกันสังคมขอให้ขยายตัวเวลาเงินนำส่งประกันสังคมทั้งหมด
– ลูกจ้างจะจ่ายทดแทนกรณีว่างงาน 50% ของค่าจ้างเป็นเวลา 180 วัน
– สินเชื่อ เพื่อการจ้างงานให้กับผู้ประกอบการ ลูกจ้างไม่เกิน 200 คน กู้ได้ไม่เกิน 15 ล้านบาท
3.ลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าราคาถูก ธงฟ้าเยียวยา
– ขยายเวลาชำระภาษีทั้งหมด ผู้ประกอบการขอให้ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
– ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับซ่อมแซมทรัพย์สินตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท
– ลดหย่อนภาษีซ่อมแซมรถตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท
– สำหรับผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมทรัพย์สิน 2 เท่า
– ผู้บริจาคช่วยผู้ประสบภัยสามารถลดหย่อนภาษีได้
– กระทรวงพาณิชย์จะทำรายการธงฟ้า
4.ทำให้พื้นที่ประสบภัยฟื้นฟูกลับมาเข้มแข็ง
นายเอกนิติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียน โดยให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว การเตรียมความพร้อม ให้กระทรวงการต่างประเทศจะขอความช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาภัยพิบัติเพื่อวางระบบดูแลผู้ประสบภัยหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก สามารถนำบทเรียนนี้มาแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะยาว ไม่ให้เกิดแบบปัญหาเดิม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยให้หน่วยงานราชการไปจัดสัมมนาในพื้นที่น้ำท่วมหลังฟื้นฟูแล้ว เพื่อให้กระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาฟรีนั้นทางกระทรวงมหาดไทยจะมีการพิจารณาเรื่องนี้
มาตรการกระทรวงพาณิชย์
ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการ 3 ระยะ โดยระยะแรกทำทันที ทำไปแล้ว และยังทำอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คือการส่งสินค้าอุปโภค บริโภค โดยเฉพาะพวกวัตถุดิบอาหาร เช่น ไข่ไก่ ข้าวสาร อาหารต่างๆ ลงไปเป็นวัตถุดิบที่โรงครัว ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นเพราะทุกคนต้องได้รับการดูแลในเรื่องอาหารทันที และมีการส่งเข้าไปต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับทางเอกชน และห้างต่างๆ ให้ช่วยกันลงไป และมีการส่งเงินลงไปช่วยตรงนั้นด้วย นี่คือการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนนอกเหนือจากการควบคุมราคาสินค้าให้ไม่แพงเกินไป และไม่ให้มีการกักตุนสินค้า สามารถมีสินค้าที่เพียงพอในการใช้งานในพื้นที่
ระยะที่ 2 เป็นช่วงที่กำลังเริ่มทำอยู่ขนานกันไปกับการเยียวยา ให้ประชาชนเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้าน ยานพาหนะ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้า ที่จะต้องใช้งาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์จำเป็น ก็มีการประสานกับทางห้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กซี โลตัส แม็คโคร รวมไปถึงห้างเฉพาะกิจ อย่างเช่น โฮมโปร เมกะโฮม ไทวัสดุ เมกะเฮ้าส์ ซึ่งจะร่วมลดราคาสูงสุด 80% เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าเหล่านี้ ไม่ขาดแคน มีอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำคัญ เช่น เบรคเกอร์ สายไฟ หรือหัวเทียน และมีการร่วมมือกับทาง SCG ในการนำเอาอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน และช่างต่างๆ เข้าไปในพื้นที่ที่จะช่วยให้ได้
ระยะที่ 3 คือ มหกรรมธงฟ้า ซึ่งจะเป็นลักษณะพิเศษ เน้นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำคัญ นอกจากสิ่งอุปโภคบริโภคแล้ว จะมีการจัดจุดเคลื่อนที่เพื่อความสะดวกของประชาชน อีกทั้งมีการนำผู้ประกอบการที่เป็นลักษณะแฟรนไชส์ ลงไปเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ สร้างอาชีพ โดยที่กระทรวงพาณิชย์จะประสานกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยสนับสนุนเงินค่าแฟรนไชส์บางส่วนด้วย
ขณะเดียวกัน ยังมีการเสริมสร้างการหาโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน โดยที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำงานร่วมกับ SME เพื่อให้ผู้ประกอบการเล็ก สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะอำนวยความสะดวกในเรื่องของการขอใบรับรอง การจดทะเบียนบริษัท การขอใบอนุญาตต่างๆ เพื่อความรวดเร็ว โดยจะให้จังหวัดทำงานร่วมกับพาณิชย์ส่วนกลาง ในการให้ความสะดวกสบายกับผู้ประกอบกิจการทั้งหลาย เพื่อฟื้นฟูกิจการกลับมาทำการค้าได้อีก
สัปดาห์หน้าชงมาตรการหนุนลงทุนหุ้นไทย
วันที่ 1 ธ.ค. 2568 นายเอกนิติ และนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวในงานปาฐกถาพิเศษ “คู่หูเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤติสู่ความยั่งยืน (Fiscal-Monetary Synergy in Sight”
นายเอกนิติกล่าวว่า กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอครม.ในสัปดาห์หน้า เกี่ยวกับมาตรการในการสนับสนุนการออมรายบุคคล (Individual Saving Account) ซึ่งเป็นเครื่องมือการออมที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ และยังเป็นการสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ใหญ่ขึ้นด้วย ส่วนรายละเอียด อยู่ระหว่างการเร่งพิจารณา พร้อมลดความเหลื่อมล้ำคนรวยด้วย
สำหรับการทำงานมีเวลาเพียง 4 เดือน แนวนโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ จึงเน้นไปที่การวางรากฐานการเติบโตให้ได้ในระยะยาว โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็ง ผ่านการสนับสนุนการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านอุตสาหกรรม และการลงทุนในคน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
“ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ยังมีความน่าสนใจ เพราะต่างชาติยังให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ยังมีโอกาสในการเติบโต อาทิ อุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร แต่ปัจจัยสำคัญที่ยังขาด คือ ทักษะแรงงาน รัฐบาลจึงเน้นเรื่องนี้ผ่านโครงการ Upskill Reskill เพื่อให้แรงงานไทยสามารถรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้ จึงเตรียมดึงวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท จากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มาใช้เพื่อจัดโครงการฝึกอบรมทักษะแรงงานระยะสั้น รวมถึงจะมีการออกสินเชื่อเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัว และพัฒนาธุรกิจให้ทันสมัย (Business Transformation Loan) ซึ่งจะเป็นการพัฒนา และยกระดับธุรกิจระดับกลางด้วย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเข้มแข็งใหม่อีกครั้ง” นายเอกนิติ กล่าว
ส่วนการดำเนินนโยบายการเงิน ผู้ว่าธปท.มีอิสระในเชิงเครื่องมือ แต่ในมุมเศรษฐกิจร่วมมือกับธปท.สอดประสานนโยบายการคลัง เพื่อเดินหน้าในการฟื้นและกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ในเชิงโครงสร้าง ยืนยันจะเดินหน้าอย่างเข้มแข็ง ภายใต้กรอบวินัยการคลังอย่างเข้มข้น
ธปท.ปรับบทบาท แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างศก.
ด้าน นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า น้ำท่วมหาดใหญ่มีผลกระทยต่อเศรษฐกิจเพียง 0.1%-0.2% ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ธปท. และกระทรวงการคลัง ทำงานสอดประสานกันด้วยดีมาตลอด หลังจากนี้ ธปท. จะมีการปรับบทบาท ไม่ได้ดูเพียงนโยบายการเงิน หรือด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคแต่เพียงอย่างเดียว แต่พร้อมที่จะใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ขับเคลื่อนนโยบายการเงิน ควบคู่กับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเร่งผลักดันมาตรการแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างด้วย
” ธปท. ไม่ได้มีหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือกระตุ้นการบริโภคเหมือนรัฐบาล แต่ ธปท. มีหน้าที่ในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ตลอดจนการเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน และสถานการณ์ที่สินเชื่อ SMEs ติดลบ 13 ไตรมาส หรือ 36 เดือน หรือ 3 ปี ซึ่งในส่วนนี้ จะมีการผลักดันกลไกค้ำประกันสินเชื่อ SME ออกมา วงเงินราว 1-1.2 แสนล้านบาท”
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวไม่ถึง 2% จากก่อนหน้านี้โตเฉลี่ย 4-5% ครัวเรือนมีรายได้น้อยกว่ารายจ่ายหลายปี สะท้อนว่าจะต้องกู้เงินเพิ่ม ซึ่งสุดท้ายจะวนกลับมาเป็นแรงกดดันของปัญหาหนี้ครัวเรือนในที่สุด
“หนึ่งบริบทที่เปลี่ยนแปลง คือ เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจเหมือนเดิม ที่แม้จะไม่ทำอะไรเลย แต่เศรษฐกิจก็โตได้ 3-4% แต่ตอนนี้จะโต 2% ยังยากเหลือเกิน เพราะเราอยู่บนปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่รุมเร้ามานานและมากมาย โดยเฉพาะปัญหาโครงสร้างประชากรสูงวัย หนี้ครัวเรือน การกระจายรายได้ไม่ทั่วถึง การเมืองไม่นิ่ง ธปท. มองเห็นตรงนี้ และอยากจะเข้ามาแก้ไขอย่างจริงจัง ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยนโนบายมีความจำเป็น ช่วยคนจ่ายหนี้ มีสภาพคล่อง และช่วยธุรกิจได้ ซึ่งเรามี room ที่จะลดดอกเบี้ยได้ แต่ต้องดูข้อมูลก่อนจะออกมาอย่างไร ก่อนจะถึงรอบการประชุมครั้งถัดไป ในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งขึ้นกับคณะกรรมการจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็เป็น 1 ในคณะกรรมการใน 7 ท่าน”
กดค่าไฟใหม่(ม.ค.-เม.ย.69) เหลือ 3.88 บาท/หน่วย
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) สำหรับงวดใหม่ ในเดือนม.ค.-เม.ย.2569 ลงเหลือ 3.88 บาท/หน่วย จากปัจจุบันที่ 3.94 บาท/หน่วย เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน
ด้านตลาดหุ้น ดัชนี SET พุ่งขึ้นแรง ปิดที่ระดับ 1,276.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.88 จุดหรือ +1.58% มูลค่าการซื้อขายรวม 36,422.92 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติไล่ซื้อหุ้นสุทธิ 1,239.14 ล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อด้วย 1,224.18 ล้านบาท ส่วนรายย่อยไทยขาย -2,278.03 ล้านบาท สถาบันไทยขาย -185.30 ล้านบาท แรงซื้อหุ้นใหญ่นำโดย DELTA ปิดที่ 207 บาท บวก 2.99% ,SCCและ ADVANC เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่มีแรงขายหุ้นไฟฟ้าได้รับผลกระทบจากนโยบายปรับลดค่าไฟฟ้าต้นปี 2569
———————————————————————————————————————————————————–

