SET ผ่านจุดปรับฐาน…เดินหน้าต่อ จับตา MSCI -แรงขายต่างชาติ

HoonSmart.com>>บัวหลวง มองตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวหลังแรงกดดันจากการปรับฐานตลาดโลก SET ลงน้อย-กลับตัวเร็ว ปัจจัยระยะสั้นยังมาจากแรงขายต่างชาติ-การปรับน้ำหนักหุ้น MSCI วันที่ 24 พ.ย. แต่แรงหนุนภายในประเทศ การเลือกตั้ง-มาตรการส่งเสริมตลาดทุนปีหน้า ช่วยขับเคลื่อนตลาดต่อไป  

นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.บัวหลวง มองว่า หุ้นไทยกระทบจากอิทธิพลการปรับฐานของตลาดหุ้นโลก และสินทรัพย์เสี่ยง/ไม่เสี่ยงตลอดสัปดาห์ที่แล้ว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าตลาดหุ้นไทยลงน้อยกว่า และใช้เวลาสั้นเพื่อการฟื้นตัว…

ดังนั้นตั้งแต่สัปดาห์นี้ไป (24 พ.ย.2568) เราคาดว่าอิทธิพลความผันผวนในตลาดหุ้นโลก และสินทรัพย์ต่าง ๆ จะเริ่มส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยลดลงตามลำดับ ขณะที่ปัจจัยมีผลต่อราคาหุ้นไทย จะเหลือเพียงแต่ MSCI Rebalance มีผล 24 พ.ย.นี้ (อาจมีหุ้นที่ถูกลดน้ำหนัก เพิ่มเข้าคำนวณ ซึ่งจะกระทบราคาและบรรยากาศแค่ในวันที่มีผลใช้คำนวณ), การปรับหุ้นเข้าออก SET50

ส่วนแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงที่เหลืออีก 1 เดือนข้างหน้าก่อนหมดปี เราคาดว่าอาจจะยังมีผลต่อแรงกดดันหุ้นไทยระยะสั้น แต่ควรจะเบาลงเมื่อเทียบกับปัจจัยหนุนในประเทศ เช่น การเดินหน้าสู่การเลือกตั้งในประเทศ ปีหน้าหากมาตรการส่งเสริมตลาดหุ้นไทยเริ่มใช้และเห็นผล เช่น ออมเงินในหุ้นไทยลดหย่อนภาษีโดยตรง “TISA”, โครงการ Jump Plus ของทาง ตลท. ส่งเสริมให้ บจ. เติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้ เป็นต้น

ด้านปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นรายตัวยังคงมีให้เห็น เช่น การปรับขึ้นค่าภาษีสนามบิน, ปิดดีลคิงพาวเวอร์ (AOT), ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้น (เศรษฐกิจฐานรากเริ่มฟื้น), ราคาเนื้อสุกรและไก่ดีขึ้น–ต้นทุนเริ่มลดลง (CPF, TFG, BTG, GFPT) ส่วนที่เหลือคือติดตามตัวแปรที่มีผลต่อสมมุติฐาน เช่น ค่าการกลั่น, ยอดขายธุรกิจค้าปลีก, ตัวเลขผู้โดยสาร–นักท่องเที่ยว (TOP, CENTEL)

กลยุทธ์ลงทุน

แนะนำเลือกถือหุ้นตามแนวทางพอร์ตจำลอง คือ 50% และเก็บเงินสด 50% ไว้รอช้อนซื้อหุ้นไทยรายตัวที่มีปัจจัยหนุนราคาหุ้น…

กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ “รอ” สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลง ไม่ไล่ราคา เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และเพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค

2 Scenario หาก SET หลุดเส้น EMA 200 วัน

1) โครงสร้างระยะกลางมีโอกาสเปลี่ยนเป็นลง จับตา price pattern “Bearish Megaphone” ชี้จุดรับ อาจลงไปได้ถึง 1,187 จุด

2) หลุดแล้วดึงกลับ “false signal” คล้ายเหตุการณ์เมื่อเดือน ส.ค. ลงแล้วดีดขึ้นทันที สามารถรักษาโมเมนตัมขาขึ้นเอาไว้ได้เพิ่มเติม

มุมมอง RSI ล่าสุดเข้าใกล้เขต oversold ขณะที่ดัชนีคาดว่าอยู่ในคลื่นขาลง “Corrective wave C”

สรุป: แนวโน้ม SET จุดวัดใจ ต้องดีดกลับให้ได้โดยเร็ว มิฉะนั้นจะทำให้รูปแบบเปลี่ยนเป็นลง

แผนการเทรด: ถ้า SET ลงต่อ หรือหุ้นหลุดจุดคัทที่ให้ไว้ แนะนำวางแผนปิดความเสี่ยงไว้ด้วย

ไฮไลท์หุ้น:

– AOT ท้ายสุดไม่ทะลุ แต่อาจไม่ใช่บทสุดท้าย

– DELTA พระเอกกลายเป็นผู้ร้าย

– CPALL: double bottom หรือ new low

– GULF โซนรับ…ตรงไหนห้ามหลุด

– COM7 test แนวรับ…ลุ้นปิดเขียวได้หรือไม่

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

ตลาดคาดหุ้นเพิ่มเข้าคำนวณดัชนี SET50 ม.ค.–มิ.ย. 69: GLOBAL, ITC, SAWAD

หุ้นออก ได้แก่ BCP, KKP, VGI โดยคาดประกาศกลางเดือน ธ.ค. 69

SET100: คาดหุ้นเข้า BPP, CKP, SAPPE ส่วนหุ้นถูกถอด ได้แก่ JTS, MBK, WHAUP

เฟด มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ธ.ค. โดยเครื่องมือ CME FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 70% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นหลังจากที่ให้น้ำหนักไม่ถึง 40% ในช่วงก่อนหน้านี้

MSCI ประกาศทบทวนดัชนีรายไตรมาส MSCI Global Small Index หุ้นเข้า 1 ตัว คือ M ส่วนหุ้นออก 5 ตัว ได้แก่ AAV, CKP, JTS, QH, TPIPP โดยจะมีผลต่อราคาปิดของวันที่ 24 พ.ย.

การเมือง: “อนุทิน” แจ้งพรรคร่วมรัฐบาลสแตนด์บายรอฟังสัญญาณยุบสภา 12 ธ.ค.

สถานการณ์น้ำท่วม: ภาคใต้ 3 จังหวัด โดยหนักสุดที่ จ.พัทลุง และสงขลา รวมถึง อ.หาดใหญ่ มีปริมาณน้ำไหลเข้ามามาก รัฐบาลเตรียมจ่ายเงินเยียวยาหลังคาเรือนละ 9,000 บาท

หุ้นแนะนำวันนี้: CPF

– ราคาเนื้อหมูเริ่มเห็นสัญญาณดีหลังจากคุมราคาขายได้–ไม่ให้ต่ำกว่าต้นทุน

– ด้านต้นทุนมีแนวโน้มลดลงจากการนำเข้าข้าวโพดและอาหารสัตว์

– PE เหลือ 6 เท่า ต่ำสุดรอบ 20 ปี

– ผลตอบแทนเงินปันผลพุ่ง 4.6% สูงสุดรอบ 15 ปี

แนวรับ: 21.2

แนวต้าน: 22.5

Stop loss: 20