HoonSmart.com>>หุ้นไทยมาถึงจุดนี้ได้ยังไง “รายใหญ่”เพิ่มพอร์ตเล่นหุ้นนอกโดยตรง และผ่านDR ส่วนเด็กรุ่นใหม่หันไปเล่นตปท. เมินหุ้นไทย แม้หุ้นมีพื้นฐานดี-ปันผลสูง-เล่นในโซนต่ำ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุน แต่เล่นยาก กระจุกไม่กี่ตัว โดยเฉพาะ DELTA หากไม่คำนวณ ดัชนี SET เหลือแค่ 1,130 ด้าน“ลิเบอเรเตอร์”มองตลาดยังไม่ใช่เทรนด์ขาลง ให้น้ำหนักหุ้นปันผลมากขึ้น สร้างกำไรได้สม่ำเสมอ เชียร์ KBANK, KTB, ADVANC, SPRC, BH

นักลงทุนรายใหญ่แห่งวงการตลาดหุ้นไทย เปิดเผยกับสำนักข่าว”หุ้นสมาร์ท”ว่า หุ้นไทยช่วงนี้เล่นเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากหมดข่าวนี้ ที่เล่นเก็งกำไรกันไว้ ก็ขายทำกำไรออกมา โครงการคนละครึ่ง พลัส, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้ทุกคน Happy กัน แต่หุ้นที่เด้งขึ้นรับข่าวมีไม่กี่ตัว ซึ่ง 1 ใน 6-7 ตัวที่ขึ้นแรง มี DELTA ดันดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET) สร้างภาพรวมตลาดขึ้นไปมาก แต่ถ้าหัก DELTA ออกไปดัชนีฯเหลือแค่ 1,130 จุดเอง
อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยยังไม่หมดอนาคต เพราะยังให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ แค่หุ้นต้องลงมาถูกมาก ๆ มีการเทรด P/E, P/BV ต่ำ ๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งนักลงทุนก็จะกลับมาเอง แต่โครงสร้างตลาดมีแต่หุ้นเดิม ๆ กลุ่มหุ้นแบงก์ หุ้นน้ำมัน ตลาดเปราะบางมาก เช่นแบงก์ ตอนนี้ลูกค้ารายใหญ่ยังส่งดอกเบี้ยให้อยู่ ทำให้แบงก์ไม่เจ๊ง แต่ก็ไม่โต ยังสามารถลงทุนหุ้นแบงก์ได้ เพราะจ่ายปันผลมาก แต่ไม่มีลู่ทางโตแล้ว เพราะถ้ายังมีโอกาสโต แบงก์จะเก็บเงินไว้ขยายสินเชื่อ ไม่เอามาจ่ายปันผลสูงแบบนี้หรอก
รายใหญ่กล่าวต่อว่า ตอนนี้นักลงทุนส่วนใหญ่หันไปเล่น DR กันเยอะ เป็นทางเลือกที่เปิดให้นักลงทุนเข้าไปเล่นหุ้นต่างประเทศ ซึ่งโบรกเกอร์ไทยแข่งกันออก DR อย่างหุ้น BABA มีทั้ง BABA23, BABA01, BABA80 เป็นต้น โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีผลิตภัณฑ์ออกมาขาย เพิ่มทางเลือกที่ดีให้นักลงทุนเล่น แต่วันหนึ่งถ้าตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรดี ๆ เข้ามาจดทะเบียนในตลาด คนก็จะหันไปเล่นหุ้นเมืองนอกกันหมด
“การเปิดประตูให้ลงทุนไปทั่วโลกเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็เป็นดาบสองคม อาจกระทบของดีในไทย ทำให้ไม่เป็นที่นิยม เพราะนักลงทุนไปซื้อหุ้นระดับโลกแล้ว ตอนนี้ผมก็แบ่งพอร์ตลงทุนหุ้นนอก 30% หุ้นไทย 70% ภาพรวม SET อยู่แถว 1,300 จุด แต่อย่าดูไส้ในนะ นักลงทุนหลายคนบอกหุ้นขึ้น แต่ทำไมไม่ได้ตังค์ เพราะคนที่ได้เงินเป็นคนที่ลงทุนหุ้นพวก DELTA, ADVANC, KTB, KBANK, SCB, BBL ใครมีหุ้นโรงพยาบาลตายเลย เข้า ICU ไปเลย ดู BDMS เหลือ 18 บาท IVL ต้นปี 27 บาท ตอนนี้ 17.90 บาท คนส่วนใหญ่จึงไม่ได้ตังค์ ส่วน DELTA คนได้ตังค์ก็เป็นนักลงทุนจากไต้หวันไป ซึ่งปี 2567 ผมลงทุนหุ้นไทย 90% ปีนี้เหลือหุ้นไทย 70% ลงทุนหุ้นนอก 30% ซึ่งมีทั้งลงทุน DR และลงทุนหุ้นโดยตรงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นฮ่องกง เล่นได้กำไรบ้าง กะว่าจะเพิ่มพอร์ตนอกประเทศเรื่อย ๆ ส่วนในประเทศก็อาจชะลอไว้ก่อน (ถอนหายใจ ) คงอีกหลายปีกว่าจะกลับมา…”
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า หุ้นไทยแผ่วลงเรื่อย ๆ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาช่วยจำกัด Downside แต่ก็แบบวูบวาบไป และยังไม่ตอบโจทย์ภาพระยะกลาง-ยาว แรงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนยังต่ำอยู่ เห็นได้จากวอลุ่มเทรดบาง และกระแสการลงทุนต่างประเทศก็มีมาตั้งแต่ต้นปี คนมีทางเลือกที่จะไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ เล่นแล้วได้กำไร ขณะที่หุ้นไทยเล่นยาก คนจึงหันไปเล่นหุ้นต่างประเทศกันมาก
“ตลาดหุ้นไทยเล่นยาก หุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขาย ช่วงหลังก็ดูจืด ๆ และยังให้ Valuation ที่เวอร์ไปหน่อย ทำให้ราคาเปิดเทรดมาก็ต่ำจอง หุ้นไทยเล่นกระจุกตัวหุ้นไม่กี่ตัว ถ้าไม่มีหุ้น DELTA ดัชนีฯหายไปเป็นหลักร้อยจุด คนไปเล่นหุ้นนอกก็มีไม่กี่ตัว อย่าง เล่นหุ้นเทคฯก็ไม่กี่ตัว เช่น อะเมซอน, แอปเปิ้ล, กูเกิ้ล ซึ่งยังป็นบวกอยู่ ซึ่งแค่ซื้อทิ้งไว้เฉย ๆ ก็กำไร ไม่เล่นยากเหมือนหุ้นไทย”
กระแส DR ลงทุนหุ้นนอก ตอนนี้มีเป็น 100 ตัวแล้ว จากโบรกเกอร์ 6-7 รายที่ออกมา และเทรนค่อย ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ DR ตัวท็อป ๆ จะอ้างอิงหุ้นในตลาดสหรัฐ และจีน ซึ่งมอง DR ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
“คนลงทุนหุ้นนอกจริง ๆ เป็นเด็กรุ่นใหม่ พอได้กำไร ก็ไม่สนใจหุ้นไทยเลย ทางการช่วยดึงดูดให้นักลงทุนหันมามองหุ้นไทย หา Story มาเล่นหุ้นไทย และมีการส่งเสริมการลงทุน เช่น การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ดี แต่มันวูบวาบ ตอนนี้สัญญาณเปิดลงทุนต่างประเทศมีมากขึ้น”
อย่างไรก็ดี ตลาดยังไม่เป็นเทรนด์ขาลงเหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ช่วงนี้ยังคงให้น้ำหนักลงทุนไปที่หุ้นปันผลมากขึ้น และหุ้นที่ทำกำไรได้สม่ำเสมอ ซึ่งหุ้นขนาดใหญ่ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลระดับ 5% ต่อปีขึ้นไปมีมาก ถ้าปัจจัยพื้นฐานดีก็ค่อย ๆ ลงทุนได้ เพราะปลอดภัย แต่ไม่แนะนำหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ด้วยการเหวี่ยง ตลาดไม่นิยมไปเล่นหุ้นใหญ่ดีกว่า อย่างหุ้นในกลุ่มธนาคารยังดีอยู่ เล่นกันในโซนต่ำ โดยธนาคารพยายามให้ ROE สูง ทำด้วยการออกโครงการซื้อหุ้นคืน เช่น KBANK และการจ่ายปันผลสูง แนะ KTB จ่ายปันผลถึง 2 ครั้ง ในอดีตจ่ายแค่ครั้งเดียวในรอบปี ส่วนกลุ่มสื่อสาร แนะนำ ADVANC ให้เงินปันผลดี และกำไรก็ดีด้วย ส่วนพลังงานให้ปันผลสูงมองกลุ่มโรงกลั่นน่าสนใจจากค่าการกลั่นที่ดีอยู่ หนุนผลงานไตรมาส 3 และไตรมาส 4/2568 ยังไปต่อ แนะนำ SPRC
ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ BH จากราคาหุ้นปรับตัวลงไปมาก ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานดี ราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพง ไม่สมเหตุสมผลกับพื้นฐาน เทรด P/E แค่ 10 เท่าเศษ ถูกไป จากอดีตเทรด P/E มากกว่า 30 เท่า และ BH ยังติด 1 ใน 3 โรงพยาบาลดีในไทย ซึ่ง Valuation ไม่ควรเป็นแบบนี้
อ่านข่าวอื่นๆ : https://hoonsmart.com/archives/386805
———————————————————————————————————————————————————–

