กกร.เพิ่มเป้าส่งออกปีนี้โต 9.5-10.5% ลดเงินเฟ้อติดลบ 0.1-0.1%

HoonSmart.com>>กกร.คงประมาณการเศรษฐกิจปี’68 โต 1.8-2.2% ลุ้นเท่าปีก่อน 2.5% ปรับเป้าส่งออกโต 9.5-10.5% จากเดิม 2-3%  นำเข้าสูงถึง 10.2% ขณะที่เงินเฟ้อต่ำเพียงหดตัว 0.1 ถึง 0.1% ตามราคาพลังงานที่ลดลง ด้านกระทรวงพาณิชย์ เผยเงินเฟ้อเดือน ต.ค.หดตัวต่อ 0.76% จากตลาดคาด 0.7-0.75% ลดลง 7 เดือนต่อเนื่อง คาดเดือนพ.ย.ติดลบต่อ คงเป้าหมายทั้งปี 0%

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดเศรษฐกิจปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 1.8-2.2% ตามคาดการณ์ไว้เดิม ส่วนส่งออกโตได้ประมาณ 9.5-10.5% ดีกว่าที่คาดไว้เพียง 2-3% แต่การเติบโตมาจากสินค้าที่มี การใช้วัตถุดิบภายในประเทศต่ำมาก และทองคำซึ่งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจจริง ประกอบกับการนำเข้าที่ขยายตัวสูงถึง 10.2% ขณะที่เงินเฟ้อต่ำเพียง -0.1 ถึง 0.1% ตามราคาพลังงานที่ลดลง

“ในปี 2568เศรษฐกิจมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2.5% หากสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “คนละครึ่งพลัส” สนับสนุน SMEs และ Made In Thailand ”

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนต.ค. ลดลง 0.76%จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ส่งผลให้รวม10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ลดลง 0.09% ปัจจัยหลักมาจากมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนของภาครัฐ ผ่านโครงการ Quick Big Win และราคาพลังงานในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลง ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังมีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งของใช้ส่วนบุคคล จากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ มีผลต่อเงินเฟ้อไม่มากนัก

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนต.ค. อยู่ที่ 101.50 เพิ่มขึ้น 0.61% รวมเฉลี่ย 10 เดือนปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.87%

สำหรับราคาสินค้าและบริการในเดือนต.ค. เทียบกับเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นมี 225 รายการ อาทิ ข้าวสารเจ้า ขนมอบ ปลาทู น้ำมันพืช กะทิสำเร็จรูป กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าบริการขนขยะ ค่าแต่งผมชาย และค่าทัศนาจรต่างประเทศ เป็นต้น ส่วนสินค้าและบริการที่ราคาลดลงมี 189 รายการ อาทิ ข้าวสารเหนียว เนื้อสุกร ไข่ไก่ ต้นหอม ผักกาดขาว พริกสด มะนาว ผักชี ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย รถยนต์ และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ขณะที่สินค้าและบริการที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลงมี 50 รายการ

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ย. คาดว่าจะยังคงลดลง จากราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มประเทศโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องและรัฐบาลมีนโยบายบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านโครงการ Quick Big Win ส่งผลให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (OFFO) ปรับลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร
และปรับลดค่า Ft งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย รวมถึงราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก  และผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับลดราคาห้องพัก เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ (ณ วันที่ 21 ต.ค. 68) โดยเฉพาะมาตรการหักลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศสูงสุด 20,000 บาท

ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น  เช่น การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวมีแนวโน้มทำให้ค่าโดยสารเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น
ราคาสินค้าเกษตรและเครื่องประกอบอาหารบางชนิดมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า

นายนันทพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2568 ยังไม่ได้ประเมินออกมา แต่เดือนพ.ย. ก็อาจยังติดลบอยู่  ขอรอดูผลจากมาตรการของภาครัฐ ส่วนเป้าไตรมาส 4/2568  เคยประเมินไว้ที่ -0.52% แต่เมื่อมาตรการคนละครึ่งพลัสออกมาแล้ว และมีผลตอบรับที่ดีมาก ประกอบกับมีการกระตุ้นค่าใช้จ่ายปลายปี ก็อาจจะกลับมาเป็นบวกได้

“กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้อยู่ที่ 0.0%  แต่มาตรการของภาครัฐ ทั้งค่าน้ำมัน ค่า FT หรือสถานการณ์น้ำมันทั่วโลกลดลง ก็มีส่วนที่อาจจะติดลบได้ แต่ยังคงประเมินที่ 0.0% “นายนันทพงษ์กล่าว

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–