HoonSmart.com>>”เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป” (ประเทศไทย) หรือ “NTF” โชว์ศักยภาพผู้ส่งออกผลไม้พรีเมียม ปรับเป้ารายได้จากการขายปี 68 พุ่งแตะ 2,900 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกโตแรง 1,661 ล้านบาท เติบโต 189% YoY รับดีมานด์ทุเรียนตลาดจีนเติบโตสูง พร้อมเดินหน้าเข้าตลาด mai ขาย IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น เดือนพ.ย.นี้ นำเงินซื้อเครื่องจักร ลดระยะเวลาในการผลิต ลุยเพิ่มกำลังผลิต รองรับความต้องการตลาด หนุนเติบโตก้าวกระโดด

นายวิชัย ศิระมานะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) หรือ NTF ผู้ส่งออกผลไม้สดเกรดพรีเมียมชั้นนำ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับเป้าหมายรายได้จากการขายในปี 2568 อยู่ที่ 2,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ตั้งเป้าไว้ 1,800 ล้านบาท หลังจากผลงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโตได้ค่อนข้างดีและใกล้เป้าหมายทั้งปี โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการผลไม้ไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดจีน ที่ยังมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก ทั้งในด้านปริมาณการบริโภคและช่องทางการกระจายสินค้า
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 1,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189% และมีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท เติบโตถึง 282%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักกว่า 99% มาจากการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีน และอีก 1% จากตลาดในประเทศ ซึ่งถือเป็นหลักฐานของการขยายตัวเชิงรุกและการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพของ NTF ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน NTF ดำเนินธุรกิจส่งออกผลไม้สดคุณภาพพรีเมียม เช่น ทุเรียน ลำไย มะพร้าว และผลไม้อื่นๆ รวมไปถึง ทุเรียนแช่แข็ง ทุเรียนแกะเนื้อ โดย NTF มีความสามารถบริหารจัดการผลไม้คุณภาพสูงให้ตรงตามความต้องการของตลาดระดับพรีเมียมอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีฐานลูกค้าต่างประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการบริโภคผลไม้จากประเทศไทยในปริมาณสูงและต่อเนื่อง
สินค้าของ NTF ควบคุมมาตรฐานทุกกระบวนการผลิต ด้วยทีมตรวจสอบคุณภาพ (QC) มืออาชีพลงพื้นที่ ตั้งแต่ต้นทางในสวนผลไม้ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรรับรู้และผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการของตลาด ก่อนส่งต่อไปยังโรงคัดบรรจุ (ล้งผลไม้) ที่ผ่านมาตรฐานส่งออกผลไม้ไปประเทศจีน โดย NTF มีนโยบายทำสัญญาแบบ Exclusive อย่างน้อย 1 ปี เพื่อรักษาคุณภาพและความต่อเนื่องของสินค้า รวมไปถึงการขนส่งตามวันเวลาที่กำหนดเพื่อคงคุณภาพของสินค้าที่ดีที่สุดจนถึงมือผู้บริโภค
นอกจากนี้ NTF ยังบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรอบคอบ โดยทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) ครอบคลุม 100% ของมูลค่าการส่งออก เพื่อป้องกันความผันผวนของค่าเงิน และรักษาเสถียรภาพของอัตรากำไรเบื้องต้น
นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนเพิ่มการส่งออกให้มากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการคัดเกรดและบรรจุผลไม้ ลดระยะเวลาในการผลิตลงอย่างน้อย 2 เท่า เพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล
“เรายังคงมุ่งมั่นผลักดันผลไม้ไทยคุณภาพสู่ตลาดโลก พร้อมยกระดับมาตรฐานการส่งออกผลไม้ของไทยให้มีความยั่งยืน โดย NTF จะยังคงพัฒนาเครือข่ายคู่ค้าพันธมิตรและระบบบริหารจัดการ Supply Chain ให้แข็งแกร่ง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดส่งออกผลไม้พรีเมียมในภูมิภาค” นายวิชัย กล่าว
ส่วนข้อกังวลเรื่องผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น NTF มองว่ายังมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ เช่น การต้องมีใบอนุญาตส่งออกและการขึ้นทะเบียนโรงคัดบรรจุกับกรมวิชาการเกษตร รวมถึงมาตรการควบคุมจากทางการจีน ที่เป็นปัจจัยคัดกรองสำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการที่มีระบบบริหารจัดการครบวงจรอย่าง NTF ยังมีความได้เปรียบและสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคง
ด้านนางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) หรือ KGI ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้น IPO ทั้งนี้ NTF มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้ว 70 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 140.0 ล้านหุ้นและจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท NTF ภายหลังการ IPO ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเสนอขาย IPO ได้ในช่วงประมาณเดือนพ.ย.นี้และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปีนี้
NTF มีแผนจะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับยอดสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ๆ เนื่องจากความต้องการผลไม้ทุเรียนจากไทยของประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ NTF จะนำเงินไปลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพในเครื่องคัดบรรจุทุเรียนสดที่เป็นสินค้าส่งออกหลัก ขณะที่บางส่วนจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน
“NTF บริหารจัดการโดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในวงการส่งออกผลไม้มากกว่า 10 ปี สามารถสร้างการเติบโตทางด้านรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพการขยายตลาดผลไม้ไทยในจีนที่ยังมีช่องว่างการเติบโตสูง ซึ่งเชื่อว่าจากทิศทางการเติบโตที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่น และได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้อย่างดี ทั้งช่วงเวลาที่เสนอขายหลักทรัพย์ และช่วงที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ” นางรัชดา กล่าว
