HoonSmart.com>>บล. บียอนด์ ชี้แจงตลท.ถึงผลขาดทุนสุทธิในงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2568 ที่สูงถึง 2,668 ล้านบาท เกิดจากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตจากเงินให้กู้ยืมแก่ TSB จำนวน 2,652 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเงินกู้กับ ACE
บล.บียอนด์ หรือ BYD ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลขาดทุนสุทธิในงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2568 ที่สูงถึง 2,668 ล้านบาท โดยระบุว่าเกิดจากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตจากเงินให้กู้ยืมแก่บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) จำนวน 2,652 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเงินกู้กับบริษัท เอซ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (ACE)
เงินให้กู้ยืม TSB กับ ACE รวมกว่า 11,800 ล้านบาท

BYDชี้แจงว่า ได้ให้เงินกู้แก่ ACE และ TSB เพื่อสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า โดย TSB ซึ่งถือหุ้นโดย ACE 100% มีหนี้รวม 10,759 ล้านบาท และมีการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตแล้ว 7,561 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของยอดเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ
ในส่วนของ ACE นั้น BYD ได้ให้เงินกู้เพิ่มเติม 1,050 ล้านบาทในเดือนมกราคม 2568 เพื่อชำระหนี้เดิมที่ใช้ซื้อรถ E-Bus ให้ TSB เช่าซื้อ โดยตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตแล้ว 55 ล้านบาท
โดย ACE ได้ชำระคืนแล้ว 430 ล้านบาท และมีการขยายเวลาชำระหนี้ส่วนที่เหลือให้ ACE ถึงปี 2574 พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยจาก 6–7% เหลือ 4% ต่อปี โดย TSB เป็นผู้ค้ำประกันและชำระหนี้แทน ACE
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สอบถามถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเงินกู้ โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่สัญญา คุณภาพหลักประกัน และผลกระทบต่อฐานะการเงินของ BYD
BYD ชี้แจงว่า ACE ได้โอนสิทธิรับค่าเช่าซื้อรถ E-Bus ให้แก่บริษัทฯ โดยตรงจากบริษัทย่อยของ TSB ซึ่งมีประวัติการชำระเงินสม่ำเสมอ
Counterparty Credit Risk ไม่เปลี่ยนแปลงในทางลบ เนื่องจาก BYD ได้รับสิทธิรับเงินค่าเช่าซื้อจากบริษัทย่อยของ TSB โดยตรง และยังมีรถ E-Bus จำนวน 112 คันเป็นหลักประกัน มูลค่าประเมินโดยผู้ประเมินอิสระอยู่ที่ประมาณ 537 ล้านบาท หรือ 92% ของยอดหนี้คงค้าง
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่า การลงทุนใน ACE ซึ่ง BYD ถือหุ้น 49.39% เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น และการให้กู้และปรับเงื่อนไขเป็นไปตามนโยบายบริษัทและกฎหมายอย่างครบถ้วน โดยมีมาตรการติดตามและควบคุมความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการตั้งสำรองบัญชีอย่างรอบคอบเพื่อสะท้อนฐานะการเงินที่แท้จริงและทบทวนความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
