โบรกฯ ระดมชี้เป้า ATLAS สูงสุด 5 บ. ยืน 1 ผู้นำก๊าซ LPG ภาคขนส่ง

HoonSmart.com >> 5 โบรกเกอร์ชั้นนำ ชี้เป้า ! ATLAS สูงสุด 5 บาท  โชว์ศักยภาพผลงานครึ่งแรกดันยอดขาย LPG แตะ 209.4 ล้านกิโลกรัม ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นเบอร์หนึ่งภาคธุรกิจขนส่งซ่อน ‘เพชรเม็ดงาม” ธุรกิจโฆษณา Max Taxi Ads  กำไรโดดเด่น เตรียมเข้าตลาด SET ภายในไตรมาส 4 นี้ 

สุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์

นายสุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี  (ATLAS) เปิดเผยว่า  ผลดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,935.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 641.65 ล้านบาท หรือ 12.12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5,294.19 ล้านบาท  กำไรสุทธิอยู่ที่ 155.70 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 14.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม

มั่นใจสามารถสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ เพราะแนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมและปริมาณการใช้ก๊าซ LPG มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เงินที่ได้จากการระดมทุน และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยิ่งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“แรงหนุนสำคัญมาจากปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ภาคขนส่งในครึ่งปีแรกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแตะ 145.7 ล้านกิโลกรัม จาก 132.3 ล้านกิโลกรัม เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายสถานีบริการก๊าซ การปรับโฉมสถานีให้จำหน่ายได้ทั้งก๊าซและน้ำมัน รวมถึงโครงการ Taxi Transform และ Auto Transform ซึ่งสามารถเพิ่มฐานผู้ใช้ LPG ในกลุ่มขนส่งและรถยนต์ส่วนบุคคล เสริมด้วยรายได้ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ และสื่อโฆษณาบนรถแท็กซี่” กรรมการผู้จัดการ กล่าว

อมร พิริยะแพทย์สม

นายอมร พิริยะแพทย์สม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน ATLAS กล่าวว่า บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดก๊าซ LPG ภาคขนส่งกว่า 30% และยังมีฐานลูกค้าภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม ผ่านกลยุทธ์ COCO (Company Owned Company Operated) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมถึงการสร้างเครือข่ายธุรกิจ (Power of Network) ที่แข็งแกร่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและควบคุมคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิผล
นอกจากนี้ ATLAS ยังได้ต่อยอดโครงการ ” Max Taxi Ads” ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อโฆษณาที่มีอัตรากำไรสูง โดยมีแผนขยายการให้บริการเพิ่มเติม ผ่านการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ภายในเครือข่ายของบริษัทฯ ที่มีอยู่แล้ว เช่น จุดให้บริการต่าง ๆ ภายในสถานีบริการ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรายได้และผลกำไรในอนาคต

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)  ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2569 ของ ATLAS เท่ากับ 4.90 บาท อิงจาก P/E ที่ 17 เท่า ซึ่งคำนวณมาจาก PE ถ่วงน้ำหนักด้วยสัดส่วนกำไรจากธุรกิจก๊าซ LPG และธุรกิจโฆษณา สะท้อนศักยภาพการเป็นผู้นำอันดับ 1 LPG ภาคขนส่ง

คาดกําไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12% YoY เป็น 318 ล้านบาทในปี 2568F และเพิ่มขึ้น 27% YoYเป็น 405 ล้านบาทในปี 2569 เนื่องจากรายได้จากการขายก๊าซ LPG ในภาคขนส่งและภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็นหลัก

มองความน่าสนใจลงทุน (Business Positive) ของ ATLAS  4 ประเด็น ดังนี้ 1. ธุรกิจก๊าซ LPG หัวใจการเติบโตอย่างยั่งยืน ครองส่วนแบ่งตลาด LPG ภาคขนส่งอันดับ 1 ที่ 31.1% ณ ครึ่งปีแรก ปี 2568 และคาดขยายสู่ 35% ภายในปี 2570

2.กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองด้วยจุดจำหน่ายก๊าซหุงต้มครอบคลุมทั่วประเทศ ขยายส่วนแบ่งตลาดก๊าซหุงต้มจาก 4.0% เป็น 10.0% ภายในปี 2570

3.ธุรกิจสื่อโฆษณาบนรถแท็กซี่ที่ดูเรียบง่าย แต่เข้าถึงผู้บริโภค และเป็น Earnings Engine ให้บริษัท ด้วยความที่ธุรกิจ Max Taxi Ads ที่มีรายได้ 106 ล้านบาทในครึ่งปี 2568 เทียบเป็นกว่า 60.0% ของกำไรบริษัท และแทบไม่มีต้นทุนทางตรงทำให้อัตรากำไรสูง โดยปัจจุบันมีแท็กซี่ร่วมโครงการประมาณ 13,000 คัน แต่คิดเป็นเพียง 15% ของแท็กซี่ทั้งหมด (ประมาณ 91,500 คัน ตามตัวเลขของกรมการขนส่งทางบกล่าสุด) ทำให้ยังมี Upside อีกมาก

4. Synergy กับ PTG และการปรับโครงสร้างธุรกิจเพิ่มความสามารถทำกำไร ด้วยความที่เป็นบริษัทย่อย PTG เปิดทางให้ ATLAS มีข้อได้เปรียบกว่าผู้เล่นหลายรายในอุตสาหกรรม สามารถต่อยอด (leveraging) ฐานสมาชิก PT Max Card มากเกิน 20 ล้านราย และใช่โครงเครือข่ายสถานี PT กว่า 2,000 แห่งในการ cross-sell และเร่งขยาย COCO Gas Shop (ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้ม) ได้รวดเร็วกกว่าการเริ่มต้นทุกอย่างใหม่

บล. บัวหลวง  ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2569 ของ ATLAS ที่ 4.64 บาท/หุ้น ด้วยวิธีอิงเป้าหมาย P/E ที่ 16 เท่า โดยคำนวณจากค่าเฉลี่ยถ่วงน้าหนักระหว่างค่าพีอีเฉลี่ยของธุรกิจให้บริการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและธุรกิจสื่อนอกบ้านที่เป็นส่วนผสมระหว่างสองธุรกิจนี้ พร้อมทั้งประเมินกำไรหลักปี 2568-70 (เทียบงบการเงินเสมือนปี 2567) เติบโตเฉลี่ย 22% CAGR
และสำหรับปี 2568-2569 เติบโตเด่นสุด 23% และ 26% ตามลำดับ โดยมีแรงหนุนมาจากทั้งธุรกิจหลักจำหน่ายก๊าซ LPG และให้บริการน้ามัน และรายได้จากธุรกิจโฆษณา รวมทั้งอัตรากำไรสุทธิ(NM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในปี 2567 เป็น 3.0% และ 3.4% ในปี 2568-2569 ตามลำดับ ตามธุรกิจ Taxi Ads ที่อัตรากำไรดีเพิ่มขึ้นและ SG&A/sales ratio ที่ลดลง

บล.ฟินันเซีย ไซรัส  ประเมินมูลค่าเหมาะสมของหุ้น ATLAS ที่ 4.65 บาท  อิง P/E เฉลี่ยของทั้งธุรกิจค้านํ้ามันเชื้อเพลิงตามมาตรา 7 และสื่อโฆษณานอกบ้าน เฉลี่ยอยู่ที่ 16 เท่า ทั้งนี้เชื่อว่า ATLAS ได้ประโยชน์จาก ECOSYSTEM ความแข็งแกร่งของแบรนด์จาก PTG บริษัทค้าปลีกนํ้ามันอันดับ 2 ในไทยและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ทําให้มีความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ซึ่งจะหนุนให้แผนการขยายธุรกิจของ ATLAS เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในอนาคต ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทได้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

บล. โกลเบล็ก จำกัด ประเมินมูลค่าหุ้น ATLAS ไว้ที่ 4.90 บาท โดยระบุว่า ATLAS คือผู้นำธุรกิจ LPG ที่มีการเติบโตสูงภายใต้เครือข่ายธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงค้าปลีกของ PTG โดยให้บริการ LPG แก่ลูกค้าก๊าซหุงต้มในครัวเรือน น้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ และลูกค้าอุตสาหกรรม และด้วยประสิทธิภาพของโปรแกรม Max Card และโครงการ PT Taxis ทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ในกลุ่มรถแท็กซี่ได้กว่า 14,000 ราย เข้าร่วมโครงการ Max Taxi Ads ส่งผลให้ยอดขาย LPG สำหรับรถยนต์เติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม และเสริมสร้างรายได้จากการโฆษณา พร้อมกันนี้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตที่ 25.1% CAGR ในปี 2567-2560 โดยพิจารณาจาก 1) การเติบโตของรายได้จากการโฆษณา 2) การเติบโตของปริมาณการขาย LPG สำหรับภาคครัวเรือน และ 3) การเติบโตของปริมาณการขาย LPG จากกลุ่มลูกค้าเดิมในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม

บล. บียอนด์  ประเมินราคาเหมาะสมของ ATLAS ที่ราคา 5.00 บาท อิงค่า P/E ปี 2569 ที่ 18 เท่า คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยต่อปี CAGR อยู่ที่ 13% ใน 3 ปีข้างหน้า ช่วงปี 2568-2570 อยู่ที่ 337 ล้านบาท, 394 ล้านบาท และ 434 ล้านบาท ตามลำดับ จากศักยภาพในการแข่งขันในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าภาคขนส่ง 3.6 เท่า, การเป็นเบอร์ 1 ในภาคขนส่ง และการมี Ecosystem ที่แข็งแกร่งของกลุ่ม PTG

ทั้งนี้ ATLAS เตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 418.42 ล้านหุ้น คิดเป็น 29.50% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว (พาร์ 0.50 บาท) คาดว่าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในไตรมาส 4/2568 และบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย