คอลัมน์ความจริงความคิด : เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ของฟรีที่ไม่ควรมองข้าม

โดย..สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน
เดือนก่อนเห็นข่าวกสิกรไทยประกาศ “เกษียณก่อน เกษมสุข” สำหรับพนักงานที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป โดยมอบสิทธิประโยชน์เป็นค่าชดเชยตามอายุงาน บวกกับเงินช่วยเหลือพิเศษอีก 8-12 เดือน หากมองในมุมสัดส่วนชีวิตแบบคร่าวของคนรุ่นนี้อยู่ที่ 20: 40: 40 คือ ปกติเราจะเรียนหนังสือ 20 ปี ทำงาน 40 ปี เกษียณ 40 ปี อายุขัยประมาณ 100 ปี เท่ากับว่า เราทำงาน 40 ปี แต่เราต้องบริหารเงินให้พอใช้ 80 ปี (คือพอใช้สำหรับวับทำงาน + วัยเกษียณ)

พูดง่ายๆคือทุก 1 เดือนที่เราหาเงินได้ต้องบริหารให้พอใช้ 2 เดือน (ไม่คิดเรื่องเงินเฟ้อ) โครงการ “เกษียณก่อน เกษมสุข” ทำให้สัดส่วนชีวิตเปลี่ยนเป็น 20: 25: 55 แปลว่า เราเรียนหนังสือ 20 ปี ทำงาน 25 ปี เกษียณ 55 ปี เท่ากับว่า เราทำงาน 25 ปี แต่เราต้องบริหารเงินให้พอใช้ 80 ปีเท่าเดิม (คือพอใช้สำหรับวับทำงาน 25 ปี + วัยเกษียณ 55 ปี) กลายเป็นว่า ทุก 1 เดือนที่เราหาเงินได้ต้องบริหารให้พอใช้เพิ่มเป็น 3.2 เดือน เพราะการเกษียณก่อนกำหนดลดแค่ระยะเวลาหาเงิน แต่ไม่ได้ลดระยะเวลาใช้เงินเลย

ดังนั้นหากใครไม่มีการเตรียมพร้อมเหตุฉุกเฉินไม่คาดฝัน ก็จะกลายเป็น “เกษียณก่อน ทุกข์ก่อน” แทนได้นะ และคนที่เกษียณก่อน คือ อายุยังไม่ถึงวัยเกษียณ ก็ยังไม่ได้รับสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก อย่างเช่น สวัสดิการลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค อย่างเช่น ค่าเดินทางสาธารณะลด 50% เป็นต้น สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินจาก RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ เงินได้ที่จะได้ เช่น บำนาญประกันสังคม, เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ฯลฯ

พอดีวันนี้มีเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้าบัญชี ก็เลยอยากพูดถึงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ภาครัฐให้กับผู้สูงอายุฟรีๆ ทุกวันที่ 10 ของเดือน โดยจ่ายเป็นรายเดือนแบบขั้นบันได ดังนี้

o ผู้สูงอายุ 60-69 ปี จะได้รับ 600 บาท
o ผู้สูงอายุ 70-79 ปี จะได้รับ 700 บาท
o ผู้สูงอายุ 80-89 ปี จะได้รับ 800 บาท
o ผู้สูงอายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้รับ 1,000 บาท

เห็นผู้สูงอายุหลายคนไม่รู้ เลยพลาดเงินฟรีๆที่จะมาช่วยเยียวยาค่าใช้จ่ายอย่างน่าเสียดาย วันนี้เลยเอาเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาแชร์นะ

การยืนยันสิทธิเพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ปี 67/68

o สัญชาติไทย
o มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2569 **เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2509
o ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 หรือผู้ที่ได้รับสวัสดิการอื่นตามมติคณะรัฐมนตรี

หมายเหตุ สำหรับข้อกำหนดใหม่ (มีผลตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566) ที่ระบุว่า ต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด **ในขณะนี้ ยังไม่มีการกำหนดเกณฑ์ชี้วัดการมีรายได้ไม่เพียงพอ ดังนั้นตอนนี้ผู้มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ที่มีคุณสมบัติตามระเบียบเดิมข้างต้น ยังสามารถรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้

หมายเหตุ สำหรับกรณีที่ในทะเบียนราษฎรไม่ปรากฎวันที่ เดือนเกิด ให้ถือว่าบุคคลนั้นเกิดในวันที่ 1 มกราคม ของปีนั้น

เอกสารหลักฐาน
1. แบบยืนยันสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
2. บัตรประจำตัวประชาชน
3. ทะเบียนบ้าน
4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (ในกรณีผู้ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร)

สถานที่ลงทะเบียน
• สำนักงานเขตที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในวัน-เวลาราชการ
• ที่ว่าการอำเภอ, องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในวัน-เวลาราชการ

วิธีการรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
• รับเงินสดด้วยตนเอง
• รับเงินสดโดยบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ
• โอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามผู้มีสิทธิ
• โอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ

การสิ้นสุดการได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
• ถึงแก่กรรม
• ขาดคุณสมบัติ
• แจ้งสละสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นลายลักษณ์อักษร

วิธีได้เงินไม่ยุ่งยาก ทำแค่ครั้งเดียว มีเงินเข้าทุกเดือนตลอดชีวิต อย่าลืมไปยืนยันสิทธิกันนะ