บล.กสิกรฯลุ้นเป้า 1,315 สัปดาห์หน้า จับตาเฟด-การเมือง-ฟันด์โฟลว์

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,275 และ 1,255 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ติดตามเฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ย ประเด็นการเมืองในประเทศ ฟันด์โฟลว์ ส่วนค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ 31.20-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (15-19 ก.ย. 2568) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,275 และ 1,255 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (16-17 ก.ย.) ประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนส.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOE และ BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากหุ้นบิ๊กแคปบางตัวเผชิญแรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ดี ดัชนีตลาดหุ้นทยอยปรับตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มค้าปลีก ท่ามกลางแรงหนุนจากความหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของไทยจะเป็นไปอย่างราบรื่นและจะมีการออกมาตรการตามมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับตลาดมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุม 16-17 ก.ย. นี้

นอกจากนี้ แรงซื้อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นต่อด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ SET Index ปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือนที่ 1,299.19 จุดช่วงท้ายสัปดาห์ อนึ่ง สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงสวนทางภาพรวม เนื่องจากมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ในระหว่างสัปดาห์
ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,293.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.28% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,962.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.76% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.90% มาปิดที่ระดับ 254.61 จุด

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์ระหว่างวันที่ 15-19 ก.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.20-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

จากสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปีที่ 31.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางการแข็งค่าของเงินหยวนและสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง หลังจากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด

เงินบาทอ่อนค่ากลับมาบางส่วนในช่วงกลางสัปดาห์ตามการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นก่อนตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ประกอบกับ ธปท. ส่งสัญญาณว่า ยังคงติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับไปแข็งค่าอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันจากข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ซึ่งสะท้อนสัญญาณอ่อนแอของตลาดแรงงานและหนุนโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.

ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 31.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (5 ก.ย.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 8-12 ก.ย. 2568 นั้นขายสุทธิหุ้นไทย 2,103 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 10,187 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 10,189 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 2 ล้านบาท)