HoonSmart.com>>สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัย ร่วมพัฒนากำลังคนและนวัตกรรม ต่อยอดศักยภาพอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับสากล
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญความท้าทายทั้งด้านการแข่งขัน เทคโนโลยี และการพัฒนาทักษะแรงงาน จึงจำเป็นต้องปรับตัวสู่เทคโนโลยีใหม่ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และสร้างบุคลากรที่มีทักษะรอบด้าน การลงทุนด้านวิจัยและนวัตกรรม คือ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ความต้องการแรงงานทักษะสูงจึงเพิ่มขึ้น เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)
ขณะเดียวกัน ไทยยังมีศักยภาพด้านเทคโนโลยีและความหลากหลายทางชีวภาพที่ต่อยอดได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น พลาสติกชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพ เคมีชีวภาพ ชีวเภสัชกรรม อาหารแห่งอนาคตและเครื่องสำอาง โดยคาดว่าตลาดของเทคโนโลยีเหล่านี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในปี 2573
ดังนั้น ความร่วมมือระหว่าง ส.อ.ท. และมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะช่วยพัฒนาหลักสูตรและการฝึกอบรมที่ตรงกับความต้องการอุตสาหกรรมจริง สร้างบุคลากรคุณภาพและนวัตกรรมที่ต่อยอดได้ทั้งเชิงธุรกิจและสังคม
ส.อ.ท. ตระหนักดีกว่าการขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จะมีเพียงเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเสริมอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีบุคลากรที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญในการยกระดับบุคลากรให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะที่จำเป็นผ่านหลักสูตร Reskill, Upskill และ New Skill เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนานวัตกรรม สอดรับกับความต้องการของโลกในปัจจุบันและอนาคต
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ได้ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการเข้ากับการปฏิบัติจริง ผ่านการออกแบบหลักสูตรที่ตอบสนองต่อความต้องการของภาคส่วนต่างๆ โดยหลักสูตรเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดผ่านการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ โดยเฉพาะการฝึกงานและสหกิจศึกษาในรูปแบบ Problem-based Learning ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เผชิญปัญหาจริง คิด วิเคราะห์ และลงมือแก้ไขอย่างเป็นระบบ
ความร่วมมือในครั้งนี้ คือการเปิดพื้นที่ให้ความรู้และนวัตกรรมจากโจทย์จริงของสังคมและอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ หรือการจัดการอย่างยั่งยืน ที่จะช่วยเสริมสร้างทั้งทักษะดิจิทัล ทักษะด้านสิ่งแวดล้อม และวิสัยทัศน์ผู้ประกอบการให้กับนักศึกษา และเชื่อว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและการสร้างสรรค์งานวิจัยที่ใช้ได้จริง จะทำให้นักศึกษา คณาจารย์ และภาคธุรกิจเติบโตไปพร้อมกัน ไม่เพียงยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่สากล แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม คุณภาพชีวิต และความยั่งยืนในอนาคต
“เรามาพบสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อรับฟังความต้องการ และความคาดหวังของผู้ใช้บัณฑิต เพื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะได้นำมาพัฒนาหลักสูตรให้ตอบโจทย์กับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมต่อไป” ศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
