“เกษม ณรงค์เดช ” ควงลูกชายใหญ่-เล็ก ” กฤษณ์-กรณ์ ณรงค์เดช” เปิดบ้านแถลงข่าว โชว์หลักฐานวีรกรรม “ณพ” ลูกชายคนกลาง ยืนยันมารู้ปัญหาทั้งหมด หลังได้รับหมายศาลต้นปี 2561 ด้าน “กฤษณ์-กรณ์” ชี้ ครอบครัวต้องการแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาชื่อเสียงครอบครัวและกลุ่มเคพีเอ็น
ขณะที่ “ณพ ” ออกแถลงการณ์สวน แนะรอผลคดีสิ้นสุด พร้อมหยอดคำหวาน ยังรักพ่อ แต่ไม่ได้อยู่กับพ่อตลอดเวลา
วันนี้ 12 ธ.ค. ที่บ้าน “ณรงค์เดช” ของนายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท เคพีเอ็น พร้อมด้วยนายกฤษณ์, นายกรณ์ ณรงค์เดช , สำนักงานกฎหมายเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ เปิดใจครั้งแรกแถลงข่าว ชี้แจงข้อเท็จจริง ปัญหาการฟ้องร้องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น คดีปลอมลายเซ็นนายเกษม , คดีนายเกษมฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา นายณพ ณรงค์เดช และนายสุรัตน์ จิรจรัสพร และ ปัญหาหุ้นวินด์เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ ( WEH )
โดยนายเกษม ในวัย 83 ปี ซึ่งยังเดินตัวตรง แข็งแรง ไม่มีลักษณะของคนสมองเสื่อมแต่อย่างใด มีเพียงโรคหัวใจ ผ่านการทำบายพาสน์ 2 เส้น พร้อมกับโชว์หลักฐานใบรับรองแพทย์ จากการตรวจสมองและสุขภาพ ซึ่งใบรับรองแพทย์ ระบุชัดว่า นายเกษม มีสติสัมปชัญญะสามารถทำนิติกรรมได้ตามประสงค์ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
นายเกษม เล่าว่า ตั้งใจไปตรวจเช็คสมองและร่างกาย เพื่อให้หมอยืนยันให้ ไม่ได้หวังจะอยู่ 100 ปี เพราะได้รับความเสียหายจากข่าวว่าตนไม่มีสติ หลงลืม
วันนี้ตั้งใจแถลงข่าว เพราะมีการทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยไม่มีข้อเท็จจริง ทำให้ครอบครัว “ณรงค์เดช” กลุ่มเคพีเอ็น รวมไปถึงผู้ถือหุ้นวินด์ เอ็นเนอร์ยี เสียหาย
” ผมและคุณหญิง พรทิพย์ สร้างกลุ่มเคพีเอ็น มานตั้งแต่ต้น ทำมา 40-50 ปี ธุรกิจในกลุ่มเคพีเอ็นกว่า 40 บริษัท สิ่งที่ต้องการทำคือ ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ ต้องขอโทษผู้บริสุทธิ์ ที่ทำให้เค้าเสียหาย เช่นผู้ถือหุ้นวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ ”
นายเกษม กล่าวอีกว่า ถึงจะแก่ ทำธุรกิจมา 40 ปี ในเคพีเอ็น กรุ๊ป แต่ปัจจุบันเลิกทำเพราะเห็นว่า ลูก ๆ ได้ศึกษามามาก เชื่อว่าดูแลกิจการได้ โรคภัยไข้เจ็บเป็นปกติของคนมีอายุ แต่นายเกษม พยายามอยู่ดูแลหน้าลูก-หลาน เช้า ๆ ทุกวันตั้งแต่ 15 ปีก่อน เริ่มออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ยังตีกอล์ฟ เดินสายพานความเร็วระดับ 7
นายกฤษณ์ ณรงค์เดช แถลงว่า ย้อนหลังไปปี 2558 หรือ 3 ปีก่อน นายณพ มาคุยกับครอบครัว เสนอโครงการของวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ ฯ ว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจ ต้องการให้เป็นส่วนหนึ่งของเคพีเอ็น กรุ๊ป พี่น้องก็ยินดีสนับสนุนทั้งด้านเงินทุน เครดิตพ่อ และกลุ่มเคพีเอ็น โดยนายณพ คุยมาตลอดว่า WEH เป็นทรัพย์สินของครอบครัว มีหนังสือสัญญาการจัดสรรหุ้น ณพ ถือหุ้น 51 % , นายกฤษณ์ และนายกรณ์ คนละ 24.5 % ซึ่งณพ เป็นผู้ดำเนินการใน WEH และจัดหาเงินทุน ซึ่งครอบครัวให้ทรัพย์สิน เงินสด ไปลงทุน และพ่อ ถามความคืบหน้ามาตลอด เรียกมาคุย 7-8 ครั้ง แต่ ณพ บ่ายเบี่ยงเลี่ยงทุกครั้ง ไม่รับโทรศัพท์จากพี่น้อง
นายกฤษณ์ กล่าวว่า คดีความที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งที่อังกฤษ ฮ่องกง ฯ ทำให้ครอบครัว กลุ่มเคพีเอ็น และพ่อ เสียหาย ซึ่งนายเกษม ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ณพ ไม่จ่ายเงินค่าซื้อหุ้น WEH จากนายนพพร ศุภพิพัฒน์ เจ้าของเดิม กระทั่งเดือนก.พ. ต้นปี 2561 ได้รับหมายศาลคดีอาญาจากฮ่องกง ไม่ให้บริษัท Golden Music ยักย้ายถ่ายเทหุ้น REC ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น WEH 60 %
ทั้งนี้ บริษัท โกลเด้น มิวสิค เป็นบริษัทตั้งที่ฮ่องกง โดยมีชื่อนายเกษมถือหุ้น 100 % หลังจากนายเกษมรู้ปัญหา พยายามเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยเคร่งครัด ไม่ต้องการให้ปัญหาบานปลาย ยังไม่ทันเรียกประชุม กลับปรากฎว่า คุณหญิงกอแก้ว บุญยจินดา นายณพ และนายสุรัตน์ ได้ร่วมมือกันใช้เอกสารปลอม แต่งตั้งตัวแทนที่อ้างว่า ได้ทำขึ้นระหว่างหญิงกอแก้วกับนายเกษม โอนหุ้นทั้งหมดที่นายเกษมถือใน โกลเด้น มิวสิค ไปให้คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา
นายกรณ์ กล่าวว่า ลายเซ็นนายเกษม ส่งไปตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทั้งในและนอกประเทศ ผลตรวจสอบ ไม่ใช่ลายเซ็นนายเกษม แม้ว่าคดีความที่ฟ้องนายณพ , คุณหญิงกอแก้ว และนายสุรัตน์ จิรจรัสพร ร่วมกันใช้เอกสารปลอม เป็นคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลใช้เวลาพิจารณาไต่สวนพยาน 2 วัน ว่า พยานเอกสารหลักฐานไม่พอ ไม่ใช่หลายเดือนตามที่เป็นข่าว หลังจากที่ศาลยกฟ้อง นายเกษม จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป
นายกฤษณ์ กล่าวว่า นายณพ นำเงินและสินทรัพย์ จากครอบครัวเกือบ 3 พันล้านบาท นอกจากนี้ จากการจ้าง ไพร์ซ วอเตอร์เฮ้าส์ ( PWC ) ตรวจสอบธุรกรรมในกลุ่มบริษัทเคพีเอ็น พบว่า มีการนานำเงินออกไปประมาณ 1,300 ล้านบาท แต่มีการนำกลับมาคืน 700 ล้านบาท ซึ่งนายเกษม อยู่ระหว่างดำเนินการฟ้องร้องคดีไซฟ่อนเงิน ขณะนี้อยู่ในชั้นการไต่สวน
นอกจากนี้ คดีเงินวัด ซึ่งนายณพ และนายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ เป็นผู้มีอำนาจเซ็นเอกสาร ให้ เคพีเอ็นแลนด์ ( KPNL ) ออกตั่วบี/อี กู้เงินวัด 50 ล้านบาท ซึ่งเงินเข้าบริษัทและถูกถอนออกไปภายในวันรุ่งขึ้น ซึ่ง KPNL ต้องรับผิดชอบจ่ายเงินคาดว่าเป็นสัปดาห์หน้า
ด้านนายณพ ณรงค์เดช เปิดเผยว่า พยายามจัดการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องรายละเอียดของครอบครัว อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล เพื่อถึงเวลาผลต่าง ๆ จะออกมา
นายณพ กล่าวว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ในครอบครัวไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เรื่องบางเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนบางเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน แต่ไปพาดพิงถึงบุคคลที่สาม ซึ่งถ้าหากพูดไปอาจจะไปกระทบกระเทือนรูปคดีของคนอื่น จึงไม่เหมาะสมถ้าให้ข้อมูลออกไปในขณะนี้
“ส่วนกรณีที่หลายคนบอกว่า สงสารคุณพ่อ ทุกคนก็สงสารหมด ไม่มีใครอยากให้เกิด ซึ่งผมเองแต่งงานออกมาอยู่ข้างนอกนานแล้ว ยอมรับว่าไม่ได้อยู่กับคุณพ่อตลอดเวลา ผมเองก็รักคุณพ่อ และรู้ว่าคุณพ่อรักผมที่สุด ผมยังมั่นใจอย่างนั้น ถึงแม้จะมีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น สำหรับความจริงนั้นวันหนึ่งไม่นานเกินรอ ทุกอย่างจะปรากฏออกมาเอง” นายณพ กล่าว