HoonSmart.com>> บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI วิเคราะห์กลุ่มโรงไฟฟ้า ว่า ราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น 0.4-7.4% นำโดย GPSC, BGRIM, BCPG, RATCH, GULF และ EGCO ขณะที่ราคาหุ้น CKP ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงแนะนำซื้อ BCPG และ CKP ขณะที่ให้ถือ EGCO และ RATCH
สาเหตุที่ราคาหุ้นกลุ่มไฟฟ้าปรับตัวขึ้น น่าจะมาจากสองปัจจัยคือ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติตรึงอัตราค่าไฟฟ้าตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เสนอ ค่า Ft (ค่าไฟฟ้าผันแปร) รอบเดือนก.ย.-ธ.ค.68 ที่ 3.94 บาท/หน่วย ต่ำกว่าที่เคยคาดตอนต้นปี 68 และจากการที่เฟด และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับขึ้น น่าจะรับรู้ข่าวดีส่วนใหญ่แล้ว รวมทั้งสะท้อน sentiment เชิงบวกในระยะสั้น
นอกจากนี้ การปรับลดค่า Ft มีการประชุมหารือกันมาแล้วระยะหนึ่งและจะปรับลงตามแผนการลดต้นทุนก๊าซของรัฐบาล จึงมองว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) น่าจะไม่มี upside ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าไทยมีเงินกู้ที่มีสัดส่วนที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่สูง จึงไม่น่าจะได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากนัก
ทั้งนี้ จากผลการวิเคราะห์ความอ่อนไหว ชี้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25bp จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินประมาณ 6% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5% ในปี 69 ส่วน BGRIM น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดในแง่ของเปอร์เซนต์การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากต้นทุนการเงินที่จะลดลง
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังคงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มโรงไฟฟ้าของไทย สะท้อนความเสี่ยง-ผลตอบแทนที่สมดุลจากแนวโน้มการทำกำไรต่างกัน, ความไม่แน่นอนด้านการกำกับดูแล รวมถึงการเติบโตที่สวนทางกันของแต่ละบริษัท ขณะที่แนะนำ “ซื้อ” GULF มองว่าจะมีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ, งบดุลแข็งแกร่งและยังมีแผนลงทุนเพิ่มในธุรกิจ LNG และพลังงานหมุนเวียน
นอกจากนี้ ยังแนะนำ “ซื้อ” BCPG จากมาร์จิ้นที่แข็งแกร่งและพอร์ตธุรกิจที่กระจายความเสี่ยง รวมทั้งแนะนำ “ซื้อ” CKP เพราะบริษัทมีอัตราส่วนกำไร EBITDA สูงสุดในกลุ่มและ ROE เพิ่มขึ้น ขณะที่แนะนำ “ถือ” EGCO และ RATCH จากการประเมินมูลค่าเหมาะสมและมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 6% น่าสนใจ แม้จะยังมี ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการพึ่งพาถ่านหิน
