HoonSmart.com>>บล.CGSI มองบวก “เบอร์ลี่ ยุคเกอร์” (BJC) ล้างบ้านครั้งใหญ่ กระทบช่วงสั้น น่าจะเริ่มรับรู้ผลดีจากการปรับธุรกิจในปี 69 ต่อเนื่องจนถึงปี 70 แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 22 บาท คาดปีนี้ให้ผลตอบแทนเงินปันผล 4.6%
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในการประชุมนักวิเคราะห์บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดเผยแผนปรับโครงสร้างที่ครอบคลุมที่สุดในรอบหลายปี โดยยึดหลัก “fix or close” เริ่มด้วยการปิดบริษัทไทย-สแกนดิค สตีล (ผู้ผลิตโครงสร้างเหล็ก) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BJC ถือหุ้น 100% ในไตรมาส 1/2568 และปิดร้าน BigC Mini จำนวน 44 สาขาในไตรมาส 2 รวมทั้งมีแผนปิดเพิ่มอีก 120 สาขาในครึ่งปีหลัง และปิด 26 สาขาในปี 2569
ขณะเดียวกัน BJC กำลังเร่งปรับปรุงสาขา hypermarket, ยกเครื่องผลิตภัณฑ์กลุ่ม homeline และ softline, ควบรวมศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และนำ AI มาใช้งานเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการประมาณการความต้องการ
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า แผนปรับโครงสร้างของ BJC จะเป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่อาจกดดันผลประกอบการในระยะสั้น โดยผู้บริหาร BJC กล่าวว่าการปรับปรุงสาขาทำให้อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 0.6% ในไตรมาส 2 และอาจลดลงอีก 1.0-1.5% ในไตรมาส 3 เนื่องจาก 11 สาขาที่ปรับปรุงเป็นสาขาที่มียอดขายดีในอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ SSSG อยู่ที่ประมาณ -3% ในไตรมาส 3 เทียบกับไตรมาสที่ 2 นอกจากนี้ รายได้ค่าเช่ายังลดลงชั่วคราวจากการปรับปรุงสาขา
นอกจากนี้ยังเจอแรงกดดันเพิ่มเติมจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่อาจหดตัวจากการล้างสต็อกสินค้ากลุ่ม homeline และ softline รวมทั้งค่าใช้จ่าย เพิ่มเติม 20 ล้านบาทสำหรับย้ายและรวมศูนย์กระจายสินค้า
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ผลประกอบการของ BJC จะเริ่มฟื้นตัวช่วงปลายปี 2568 เมื่อการปรับปรุงธุรกิจเริ่มส่งผลดี โดยบริษัทประเมินว่าการปิดสาขา BigC Mini ที่มีผลขาดทุน 164 สาขา อาจทำให้ยอดขายลดลงประมาณ 700 ล้านบาทต่อปี แต่จะช่วยให้กำไรสุทธิดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนการปรับปรุงสาขา hypermarket 11 สาขาจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ซึ่งจะทำให้ SSSG และรายได้ค่าเช่าเพิ่มสูงขึ้นในปี 2569 โดยผู้บริหาร BJC ตั้งเป้าอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 93-94% ภายในสิ้นปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 91% ในไตรมาส 2/68
ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดว่า BigC จะมี GPM เพิ่มขึ้นในปี 2569 เมื่อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วทยอยเปิดตัวตั้งแต่เดือนพ.ย. 2568 BJC คาดว่าการควบรวมศูนย์กระจายสินค้าจะช่วยประหยัดเงินได้ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปีเริ่มตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังมองเชิงบวกต่อ BJC แม้ว่าบริษัทน่าจะมีกำไรอ่อนตัวลงในระยะสั้น แต่การปรับโครงสร้างจะช่วยเพิ่มความสามารถการแข่งขันในระยะยาวผ่านทางมาร์จิ้นและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น รวมทั้งการมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถในการทำกำไร จึงเชื่อว่าราคาหุ้นที่อาจปรับตัวลงจากผลกระทบในระยะสั้น น่าจะเป็นจุดกลับเข้าซื้อที่ดี
การประเมินมูลค่าปัจจุบันของ BJC ที่ P/E 14.8 เท่าในปี 2568 (-1.75SD จาก ค่าเฉลี่ยสามปี) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.6% ในปี 2568 ยังน่าสนใจ จึงยังแนะนำ “ซื้อ” BJC ที่ราคาเป้าหมาย 22 บาท โดยมองว่า downside risk จะมาจากการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวต่อเนื่องและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ส่วนปัจจัยบวกคือการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนและการบริโภคที่ฟื้นตัว
ด้านราคาหุ้น BJC ปิดที่ 17.30 บาท ลดลง 0.30 บาทหรือ -1.70% สำหรับการซื้อขายครึ่งวันที่ 26 ส.ค.2568
