ธนาคารยูโอบี (ไทย) เปิดตัวสาขาโฉมใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้า 3 ไลฟ์สไตล์ ครอบครัว คนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพ และกลุ่มเจ้าของกิจการหรือกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง มั่นใจลูกค้ายังมาใช้บริการสาขา เพิ่มพื้นที่ให้คำปรึกษาการเงิน
นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่เครือข่ายสาขาและบริการดิจิทัล ธนาคารยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า ในปัจจุบันธุรกรรมผ่านสาขาของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีปริมาณลดลง 27% เปอร์เซ็นต์ แต่จากการสำรวจลูกค้าของยูโอบี พบว่า 99% ของลูกค้ากลุ่มครอบครัวและกลุ่มเจ้าของกิจการมีการมาใช้บริการที่สาขาอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อขอคำปรึกษาด้านการเงิน ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพ จะมีการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น แต่ยังต้องการคำปรึกษาด้านการเงินที่สาขาของธนาคารเช่นกัน
“ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำแนวคิดเรื่องความสำคัญของสาขาธนาคาร และนำไปสู่การปรับโฉมรูปแบบสาขาให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น” นายเจมส์ กล่าว
ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของธนาคาร คือ ลูกค้าที่มีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลของยูโอบี มากกว่า 100,000 บาท และบุคคลที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารที่มีรายได้มากกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสามกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มครอบครัว กลุ่มเจ้าของกิจการ/ผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง และกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพ
“แต่ละกลุ่มก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน กลุ่มครอบครัวจะให้ความสำคัญต่อการเลี้ยงดูบุตรมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนกลุ่มเจ้าของกิจการหรือผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงมองหาผู้ช่วยในการวางแผนและออมเงินเพื่อลงทุนอย่างชาญฉลาด ในขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพมองหาความสำเร็จในหน้าที่การงานและมีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง ธนาคารจึงเปิดตัวสาขาใหม่ฉีกกฎสาขารูปแบบเดิม เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า 3 ไลฟ์สไตล์” นายเจมส์ กล่าว
นอกจากนี้ นายเจมส์ ยังกล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการบริหารพื้นที่ต่ออีกว่า “สาขาธนาคารในอดีตจะมีรูปแบบการใช้พื้นที่แบ่งเป็น 70% สำหรับส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์เบิกถอนโอนจ่าย 30% เป็นพื้นที่สำหรับให้คำปรึกษาด้านการเงิน แต่ด้วยกลยุทธ์สาขาแบบใหม่นี้ เราสลับสัดส่วนการใช้พื้นที่เป็น 70% พื้นที่สำหรับให้คำปรึกษาด้านการเงิน และอีก 30% เป็นเคาน์เตอร์ฝากถอนโอนจ่าย เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีความแตกต่างกัน และยกระดับประสบการณ์ระหว่างการมาธนาคารของลูกค้าให้ดีขึ้น”
สำหรับสาขาต้นแบบสำหรับกลุ่มครอบครัวธนาคารยูโอบี (ไทย) เลือกโลเคชั่นที่เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านจัดสรร และคอนโดขึ้นใหม่กว่า 130 แห่ง นับว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของครอบครัวรุ่นใหม่ ภายในสาขาตกแต่งด้วยบรรยากาศอบอุ่นเสมือนอยู่บ้านพร้อมตกแต่งด้วยKids’ Corner ที่คอยดูแลคนในครอบครัวระหว่างที่ใช้บริการอีกด้วย
สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพธนาคารยูโอบียังมีสาขาที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ สุขุมวิท101กับคอมมิวนิตี้แห่งใหม่ 101The Third Place โดยจัดสรรพื้นที่ในการต่อยอดไอเดียให้สามารถพูดคุยสังสรรค์หรือเป็นห้องประชุมขนาดเล็กสำหรับการระดมความคิดได้อย่างอิสระและที่นี่ยังมียูโอบีบิสซิเนส เซ็นเตอร์ ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจเพื่อต่อยอดความฝันในการเป็นเจ้าของกิจการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ หรือต้องการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจโดยการนำดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ในธุรกิจ ธนาคารยังจะมีโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพThe FinLab “Smart Business Transformation” Program ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการจับคู่สตาร์ทอัพเข้ากับกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีความต้องการต่อยอดธุรกิจด้วยเทคโนโลยีแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีในตลาดปัจจุบันที่ยูโอบีบิสซิเนส เซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในทรูดิจิทัลพาร์ค @ 101 The Third Place
สำหรับลูกค้ากลุ่มเจ้าของกิจการหรือผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงธนาคารยูโอบี (ไทย) เลือกไอคอนสยามเป็นสาขาFlagship สำหรับยูโอบีพริวิเลจแบงก์กิ้งภายในสาขาจะเพิ่มพื้นที่รับรองลูกค้าตกแต่งแบบโมเดิร์นลักซ์ชูรี่พร้อมด้วยผลงานศิลปะจากศิลปินแห่งชาติพร้อมยังมีเจ้าหน้าที่มีผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ทำงานร่วมกับInvestment Consulting ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งในตลาดเงินและตลาดทุนเพื่อวางแผนและปรับเปลี่ยนกลยุทธการลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์โดยใช้ปรัชญาสำคัญของUOB ที่เรียกว่าUOB Smart Risk Concept การลงทุนอย่างชาญฉลาดเริ่มจากการเข้าใจความเสี่ยง
ธนาคารยูโอบี สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ สำหรับกลุ่มครอบครัวและธนาคารยูโอบีสาขาไอคอนสยามสำหรับกลุ่มเจ้าของกิจการหรือผู้มีความมั่งคั่งสูงเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 10.30น. – 19.30 น. และสาขา 101The third place สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพจะแล้วเสร็จเปิดให้บริการช่วงต้นปี 2562