BA ปรับเป้าลงตามดีมานด์เดินทาง ผลงานครึ่งปีหลังใกล้เคียงปี 67

HoonSmart.com>>”การบินกรุงเทพ” (BA) ครึ่งปีหลังปรับเป้าให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางในปีนี้ที่ไม่แรงเท่าปีที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารคงที่ 4.3 ล้านคน ที่นั่ง 5.7 ล้านที่นั่ง อัตราการบรรทุกลงมาอยู่ที่ 78% ราคาบัตรโดยสารคงไว้ที่ 4,220 บาท/เที่ยวบิน พยายามรักษาความสามารถทำกำไรไว้ที่ 25% โดยผลงานครึ่งปีหลังคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยเส้นทางสมุยยังเติบโตได้ดี สิ้นปี 68 จะมีเครื่องบินทั้งสิ้น 24 ลำ

นายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายงานการเงินและบัญชี บริษัท การบินกรุงเทพ (BA) เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังบริษัทฯได้ปรับเป้าหมายให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางในปีนี้ที่อาจไม่แรงเท่าปีที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้โดยสารคงไว้ที่ 4.3 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2567 จำนวนที่นั่ง 5.7 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2567 อัตราการบรรทุก (Load Factor) ปรับลดลงมาที่ 78% จากเดิม 80% และราคาบัตรโดยสารคงไว้ที่ 4,220 บาท/เที่ยวบิน ซึ่งท้าทายพอสมควรต่อบริษัท และต่อประเทศ พร้อมพยายามรักษาความสามารถการทำกำไรไว้ที่ 25% จากครึ่งปีแรกที่ทำได้ 31%

สำหรับผลงานครึ่งหลังปี 2568 คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยดูจากยอดจองซื้อบัตรโดยสารล่วงหน้า และรายได้ในครึ่งปีแรกเทียบกับครึ่งแรกปี 2567 ส่วนต่าง 1% โดยความสามารถทำกำไรของบริษัทคาดว่าจะลดลงแต่ไม่มีนัยยะ

“นับตั้งแต่เดือนก.ย.ถึงสิ้นปี 2568 ยอดจองตั๋วเพิ่มขึ้น 4% โดยหลักมาจากเส้นทางเข้า-ออกสมุยที่เติบโต 7% ขณะที่ในประเทศคงที่ ส่วนระหว่างประเทศจองซื้อลดลง 3%”

ปัจจุบันมีเครื่องบิน 23 ลำ สิ้นปี 2568 คาดว่าจะมี 24 ลำ และบริษัทได้มีการเจรจาเช่ามาเสริมฝูงบินช่วง High Season ซึ่งจะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการเจรจา

“ไตรมาส 2/2568 บริษัทฯมี D/E ที่ 2.6 เท่า เพิ่มขึ้นจากปี 2567 เป็นผลจากการหดตัวของมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่ถือครองไว้”

บริษัทฯอยู่ในช่วงของการออกแบบ และปรับปรุงสนามบินสมุย คาดว่าการก่อสร้าง และขออนุญาตจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4/2568 ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่า จึงเปิดดำเนินการได้

นายอนวัช กล่าว่า สิ่งที่น่ากังวลใจและแก้ไขได้ยาก มาจาการแข่งขันกับประเทศอื่น โดยประเทศไทยปัจจุบันมีข่าวสารเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศบางส่วน ซึ่งจะกระทบต่อการท่องเที่ยวบ้าง และการท่องเที่ยวไทยกับประเทศข้างเคียง ประเทศในกลุ่มอาเซียน นักท่องเที่ยวก็จะมีการดูถึงเรื่องค่าตั๋ว ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ว่าจะมีความคุ้มค่าเพียงใด เพราะฉะนั้นจึงเลี่ยงไม่พ้น

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในปี 2568 คาดว่าจะลดลงจากปี 2567 ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานได้ ถ้าราคาน้ำมันไม่ขึ้นต่อเนื่อง สำหรับภาษีสหรัฐฯไม่ได้กระทบโดยตรงต่อบริษัท แต่กระทบกำลังซื้อของผู้โดยสาร บริษัทก็ได้รับผลทางอ้อมไปด้วย ส่วนค่าเงินบาทปัจจุบันแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้เวลาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากยุโรปหรือสหรัฐฯเข้ามาเที่ยวไทย ในช่วงเงินบาแข็ง ทำให้ค่าโดยสาร, ค่าอาหาร เมื่อเทียบกับสกุลเงินประเทศนั้น ๆ ก็จะเป็นราคาสูง