HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี”(IRPC) ลุ้นผลงานฟื้นไตรมาส 3/68 ตามแนวโน้มราคาน้ำมัน ครึ่งปีหลังมีสัญญาณฟื้น หลังเกาหลีใต้-จีนจะลดกำลังการผลิตปิโตรเคมี ส่วนเหตุชายแดนไทย-กัมพูชากระทบยอดขายน้ำมันแต่ชดเชยด้วยการไปเพิ่มปริมาณขายในลาว, เวียดนาม และในประเทศให้มากขึ้น พร้อมวางกลยุทธ์ 4R-3S สร้างการเติบโตในระยะยาว
น.ส.เอธิตา อนันตธุรการ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า ผลงานไตรมาส 3/2568 มีแนวโน้มฟื้นจากไตรมาส 2 จากราคาน้ำมันที่มีทิศทางฟื้นตัวขึ้น ส่วนแผนธุรกิจครึ่งปีหลังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน แต่จะมอนิเตอร์ให้ใกล้เคียงความเป็นจริง ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ต่ำกว่าเป้า แต่ครึ่งปีหลังมีสัญญาณการฟื้นตัว โดยเฉพาะเรื่องที่เกาหลีใต้ และจีน จะลดกำลังการผลิต ดังนั้นครึ่งปีหลังน่าจะเห็นผลงานบวกได้เล็กน้อยตามตลาดโลก
บริษัทต้องคอยมอนิเตอร์ราคาน้ำมันดิบอย่างใกล้ชิด สต็อกน้ำมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งวอลุ่มและความต้องการของลูกค้าที่ลดลง ทำให้บริษัทพยายามลด Inventory จากเดิม 10 ล้านบาร์เรล ปี 2568 จะลดให้เหลือ 7-7.5 ล้านบาร์เรล เพื่อช่วยลดขาดทุนจาก Stock loss ได้มากขึ้น
“จากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ส่งผลกระทบต่อการขายน้ำมันให้เขมร แต่ทีมขายได้มีการบริหารจัดการด้วยการไปเพิ่มปริมาณขายในประเทศใกล้เคียง ทั้งลาว, เวียดนาม และในประเทศให้มากขึ้น”
น.ส.เอธิตา กล่าวว่า กลยุทธ์ในปี 2568 จะทำ 4R และ 3S ซึ่งเป็นแผนระยะสั้น-กลางไปจนถึงปี 2573 โดย R1 คือ Re-capitalize จะเป็นการทำ Asset Amortization ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าไตรมาส 1/2569 จะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ามา, R2 คือ Re-vitalize พยายามเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต เน้น Synergy ภายในส่วนงานทั้งธุรกิจปิโตรเลียม และปิโตรเคมี ซึ่งได้เริ่มปี 2568 ไปถึงระยะยาว,
R3 คือ Re-invent หลังจากที่ Re-capitalize แล้วได้เงินสดมาก็จะนำไปชำระหนี้ และนำมาลงทุนธุรกิจใหม่ ตามที่ตั้งไว้ 5 Area เดิมของธุรกิจใหม่ อย่างเช่น ธุรกิจโรงพยาบาล ที่บริษัทได้ทำ JV กับรพ.ปิยะเวท บางปะกอก ในการสร้างโรงพยาบาลที่ระยอง และในส่วนของ Advanced Materials ในส่วนของการทำสี และสร้างเคลือบต่างๆ และก็ยังมีส่วนของการทำโซลาร์ฟาร์ม รวมไปถึงการปรับ Asset เพื่อต่อยอดธุรกิจ ส่วน R4 คือ Re-frame ทำการพัฒนาบุคลากร, ไฟแนนซ์ ดิจิทัล นำไอทีไปใช้ในการผลิตและการทำงานในบริษัท
ในส่วนของ 3S คือ Strike the target มุ่งสู่เป้าหมาย (2568), Stretch the core ยึดแกนกลาง (2569-2571) และ Sustain long-term growth การรักษาการเติบโตในระยะยาว (2571-2573) จะทำควบคู่ไปกับ 4R
แม้ผลงานของบริษัทจะยังไม่ฟื้นตัวดี แต่บริษัทก็มีกลยุทธ์ในการให้บริษัทไปต่อได้ โดยบริษัทกำหนด Cash Flow ไม่ต่ำกว่า 2-3 พันล้านบาท, ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต มอนิเตอร์การใช้งบฯ ดูโครงสร้างส่วนงานต่าง ๆ เพื่อลดต้นทุนให้แข่งขันธุรกิจได้ ซึ่งบริษัทฯก็จะขอบริษัทแม่เพิ่มวงเงิน เพื่อให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มใช้ประกอบกกิจการ และไม่กู้เงินระยะสั้นได้ นอกจากนี้ บริษัทจะมอนิเตอร์สัญญาเงินกู้ประจำทุกเดือนให้ไม่เกิน Ratio ที่กำหนดไว้ โดย IRPC และบริษัทฯจะกำหนดแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน
ด้านต้นทุนทางการเงิน ที่ผ่านมาได้มีการชำระเงินกู้ที่เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯไปหมดแล้ว ทำให้ในครึ่งปีหลังจะมีสัดส่วน 100% ที่เป็นเงินกู้สกุลเงินบาทเท่านั้น และต้นทุนการเงินยังสูงเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทยอยกู้เงิน ซึ่งเป็นช่วงดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง
สำหรับการหาพันธมิตรที่ทางบริษัทปตท.ทำกับ 3 บริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ ซึ่งคาดว่าปลายปีจะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งแนวทางการเลือกก็จะมีความเกี่ยวโยงกับยุทธศาสตร์โรงกลั่น และช่วยด้านการเงินด้วย รวมถึงบริษัทฯจะสามารถรักษาเครดิตเรทติ้งเดิมได้