HoonSmart.com>>”โอสถสภา”(OSP) โชว์ผลงานไตรมาส 2/68 แข็งแกร่ง โดยอัตรากำไรขั้นต้น 41.9% กำไรสุทธิ 1,010 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.40 บาท/หุ้น เดินหน้าขยายตลาดขับเคลื่อนการเติบโตในครึ่งปีหลัง และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตควบคู่การบริหารจัดการต้นทุนต่อเนื่อง ส่วนปัญหาไทย-กัมพูชาไม่กระทบ ยอดขายไม่ถึง 1%
นางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer บริษัท โอสถสภา (OSP) เปิดเผยว่า ภาพเศรษฐกิจระดับมหภาคที่ท้าทาย ทำให้ยอดขายในครึ่งปีหลังของบริษัทยังต้องฝ่าฟันเพื่อให้เติบโตได้ในทุกส่วน (Segment) ไม่เฉพาะ Energy drink (เครื่องดื่มชูกำลัง) หรือ Beverage (เครื่องดื่ม) ซึ่งสินค้าที่ราคาไม่สูงมากจะได้รับผลกระทบกันทั่ว ๆ สิ่งที่ OSP เห็นการเติบโตได้ดี ก็จะเป็นพวกเป๊ปทีน เป็นสินค้าที่ราคา 8 บาทต่อขวด ส่วนสินค้าที่เป็นพรีเมียมยังเติบโตได้ดีมากเป็นเลข 2 หลักทั้งหมดในพอร์ตที่มี ส่วนสินค้าที่เป็น Value Segment ราคาอาจจะลงมาเล็กน้อย อย่าง Energy drink ไม่ว่าจะเป็น 12 บาท เหลือ 10 บาท ก็แล้วแต่ ที่กระทบกับ Value Segment ทั้งหมด ตรงนี้เป็นความท้าทาย โดยครึ่งปีแรกบริษัทฯมีการ Restock โดยปีที่แล้วมีการปรับขบวนทัพ ซึ่งก็ได้รับผลดีมากในช่วงครึ่งแรกปี 2568 แล้วยังเดินหน้าต่อในปีนี้
ในครึ่งหลังปี 2568 การเติบโตของ Personal Care และธุรกิจต่างประเทศ ยังดำเนินต่อไปได้ดี Domestic Beverage จะเติบโตได้ดีกว่าปีที่แล้ว แต่จะมีบางตัวที่ลดลงไปในช่วงครึ่งปีแรก ภาพรวมน่าจะประคับประคองไปได้
“ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ว่าอาจจะรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่กี่สัปดาห์นี้ เปอร์เซ็นต์ของยอดขายในกัมพูชามีน้อยมากไม่ถึง 1% เพราะฉะนั้นจึงไม่มีประเด็นผลกระทบกับปัญหานี้ ขณะเดียวกัน OSP อยู่กับคนไทยมา 134 ปีแล้ว สิ่งที่เราทำเราให้ความช่วยเหลือในทุก ๆ มิติที่เราช่วยเหลือได้ แต่ในเรื่องของ Performance เราไม่มีผลกระทบใด ๆ เลย”
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ ทำรายได้จากการขาย 6,807 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในต่างประเทศลดลงจากปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเติบโต ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับตัวลดลง และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 41.9% และทำกำไรสุทธิ 1,010 ล้านบาท ถือเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติสูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หนุนให้ภาพรวม 6 เดือนแรกบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 1,980 ล้านบาท เติบโต 13% YoY ตอกย้ำศักยภาพการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังชะลอตัว
“โอสถสภา”ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาดในครึ่งปีแรก 44.6% เดินหน้ากิจกรรมการตลาดเชิงรุก โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์กลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในหลายระดับราคา พร้อมทำแคมเปญการตลาดตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มต่อยอดแบรนด์ผ่านความร่วมมือระหว่างแบรนด์เพื่อขยายฐานผู้บริโภค โดยในไตรมาส 2 รายได้เครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศเติบโต 4% QoQ หลังจากการปรับโครงสร้างการขายและการจัดจำหน่ายถึงเดือนเมษายน ทำให้รายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริงก์เติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะเครื่องดื่มเปปทีน สะท้อนความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สุขภาพ ด้านรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเติบโตโดดเด่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กและครอบครัวแบรนด์เบบี้มายด์และอัลตร้ามายด์ ที่ขยายฐานสู่กลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้นและการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอก แต่โอสถสภาสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับปริมาณการขายรวมถึงต้นทุนวัตถุดิบและราคาก๊าซที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรจากธุรกิจหลักสามารถสร้างสถิติใหม่ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของกลยุทธ์และพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่นคง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกในอัตรา0.40 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,201.50 ล้านบาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 12 กันยายน 2568
โอสถสภายังคงมุ่งมั่นยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับกิจกรรมการตลาดและการสร้างแบรนด์อย่างรอบด้าน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายการจัดจำหน่ายและระบบกระจายสินค้า ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของส่วนแบ่งการตลาดอย่างยั่งยืนท่ามกลางความท้าทายและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
———————————————————————————————————————————————————–

