KTC ยืนเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรโต 10% ครึ่งแรก 4.4% ลุยแคมเปญใหญ่ปลายปี

HoonSmart.com>>บัตรกรุงไทย ยืนเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรโต 10% แม้ครึ่งปีแรกปี 2568 จะทำได้ 4.4% เดินหน้าจับมือพันธมิตรจัดแคมเปญการตลาดครั้งใหญ่ในไตรมาส 3-4 รับฤดูกาลจับจ่ายสูงสุดของปี ดันตัวเลขเข้าใกล้เป้า

ผู้บริหารบริษัทบัตรกรุงไทย (KTC) นำเสนอข้อมูลธุรกิจ และผลการดำเนินงานประจำ Q2/2025 ในงาน Opportunity Day ประกอบด้วย นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, น.ส.อภิศมา ณ สงขลา ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายบริหารเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ ,นางประณยา นิถานานนท์. ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต,นางรจนา อุษยาพร ผู้บริหารสูงสุดสายการเงิน

ทั้งนี้ ผู้บริหาร KTC ยังยืนเป้าหมายปี 2568 ไว้ตามที่วางไว้ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย
-กำไรสุทธิมากกว่า 7,437 ล้านบาท ซึ่งครึ่งแรกของปีทำได้ 3,755 ล้านบาท คิดเป็น 50.5%
-อัตรการเติบโตของสินเชื่อรวม 4-5% ซึ่งครึ่งแรกโต 1.2% น่าจะทำได้ใกล้เคียงเป้าหมาย
-คุณภาพพอร์ตสินเชื่อ หรือ NPL จะไม่ให้เกิน 2% ซึ่งครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 1.83% ยังเป็นไปตามแผน
-การเติบโตของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งไว้ 10% โดยครึ่งแรกของปีทำได้ 4.4%

“มองว่ายังมีเวลาเหลือในการจัดกิจกรรมทางการตลาด และส่งเสริมการขาย และช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นฤดูกาลจับจ่าย เช่นไตรมาส 3 เป็นช่วงเปิดเทอม และไตรมาส 4 เป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายสูงสุดของปี”ผู้บริหาร KTC ระบุ

-การเติบโตของพอร์ต KTC PROUD วางไว้ว่าจะโต 3% แต่ครึ่งแรกของปีทำได้ 0.6% ถือว่ายังไม่ขยับ
-ยอดสินเชื่อใหม่ พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ตั้งเป้ายอดสินเชื่อรวม 3,000 ล้านบาท โดยครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 1,048 ล้านบาท คิดเป็น 34.9% ของเป้าหมาย

ทั้งนี้ จะมีการเปิดตัวแคมเปญสะสมคะแนนที่ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ใช้ ตั้งแต่ยอดใช้จ่ายขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ พร้อมจับมือพันธมิตรในกลุ่มสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และการศึกษา เพื่อให้ลูกค้านำคะแนนมาใช้แทนดอกเบี้ย เช่น ผ่อนค่ารักษาพยาบาลหรือประกันภัย ผ่านแอปพลิเคชันที่พัฒนาใหม่ให้สมัครสินเชื่อและร่วมกิจกรรมได้ทันที จะเป็นตัวเร่งให้เข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้

ดอกเบี้ยลด ต้นทุนการเงินลด

ผู้บริหาร KTC กล่าวว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีการอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง 0.25% จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯให้ลดลงด้วย โดยครึ่งแรกของปี 2568 ต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 2.9% และมั่นใจว่าจะลดลงอีกในช่วงครึ่งปีหลัง จากการที่มีการออกหุ้นกู้ใหม่แทนชุดเก่าจะทำให้ได้ต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง
ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยที่คิดกับทางลูกค้ายังไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงอยู่ที่ 16% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล และ 25% สำหรับสินเชื่อบัตรเครดิต จึงยังไม่กระทบรายได้

คุมคุณภาพค่าใช้จ่าย

บริษัทฯยังคงเดินหน้าการใช้จ่ายทางด้านการตลาด แต่จะเน้นตลาดที่ยังสามารถเติบโตได้ และมีความยั่งยืนในการทำกำไร เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหุ้น เช่น การทำตลาดในกลุ่มที่ดูแลด้านสุขภาพที่ประชาชนยังมีการใช้จ่ายสูง ด้านความงาม หมวดสัตว์เลี้ยง ประกัน ธุรกิจร้านอาหารในโรงแรม และร้านอาหารขนาดเล็ก ส่วนหมวดอื่นๆ ยังมีการใช้จ่ายแต่วงเงินใช้จ่ายมีขนาดเล็กลง เห็นได้จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตร KTC ครึ่งปีแรก 2568  โต 4.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกัน

เก็บกำไรสะสมไว้ขยายธุรกิจใหม่

สำหรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลยังคงระดับที่ 40% ของกำไรสุทธิ แต่มีบางช่วงที่มีการจ่ายเงินปันผลเกิน 40% ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของบริษัทฯในขณะนั้นๆ  เพราะต้องการเก็บกำไรสะสมไว้ใช้ในการขยายธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันมีการศึกษาโอกาสธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่ยั่งยืน

ล่าสุด ขยายเข้าสู่การเป็นนายหน้าประกันภัย ซึ่งผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและกรรมการเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถเริ่มทำธุรกิจได้ในต้นปีหน้าและจะเริ่มเห็นรายได้เข้ามาในปี 2569

“การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตด้านประกันภัย ประกันชีวิต มียอดใช้จ่ายสูงสุดอันดับ 1 มาตลอด เราจึงมองเห็นโอกาสในการที่จะเข้าไปในธุรกิจนี้ แต่จะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป”ผู้บริหาร KTC กล่าว

ผู้บริหาร KTC ระบุว่า ทางผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริหารของบริษัท ต้องการเห็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่โตแบบคงที่ แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้คนไม่กล้าใช้จ่าย ทำให้ต้องควบคุมคุณภาพสินเชื่อ หรือ เครดิตคอส อย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5.7% เพราะจะมีผลต่ออัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น และต่อสินทรัพย์

ปีนี้มั่นใจว่า จะสามารถคุม เครดิตคอส ไว้ในระดับ 5-6% ได้ แม้ภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่ดี แต่ในเรื่องของกำแพงภาษีการค้า ยังไม่กระทบต่อมนุษย์เงินเดือนที่รับเงินเดือนเท่าไหร่นัก โดยกำลังมุ่งเพิ่มฐานลูกค้าที่มีฐานรายได้ 5 หมื่นบาทต่อเดือนให้มากขึ้น

ติด MSCI ดึงดูดนักลงทุนสถาบัน

ในกรณีที่หุ้น KTC ติดดัชนี MSCI Global Small Cap Indexes รอบเดือนส.ค.2568 โดยจะมีผลในการคำนวณวันที่ 26 ส.ค.2568 จะส่งผลดีต่อหุ้น KTC โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ การจะลงทุนในหุ้นจะอิงน้ำหนักตามดัชนีต่างๆ ถือว่าเป็นผลบวก จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาลงทุนในหุ้น KTC เพิ่มขึ้น