หุ้นพุ่ง 1.46%ตามเอเชีย ดบ.ขาลง สหรัฐฯจ่อหั่นก.ย.ไทยลงอีกครั้ง หดเป้ากำไรแบงก์

HoonSmart.com>>หุ้นเอเชียสดใส ลุ้นสหรัฐฯลดดอกเบี้ยก.ย.นี้ ส่วนไทยลง 0.25% เหลือ 1.50% ตามคาด ดัน SET พุ่งแรง 1.46%  เป็นรองเพียงฮ่องกงทะยานขึ้นกว่า 2.58% ค่าเงินบาทแข็ง ต่างชาติฉวยจังหวะขายโกยกำไร 6,656 ล้านบาท ฝั่งธนาคารกสิกรไทยและไทยพาณิชย์คาดกนง.จ่อปรับลดดอกเบี้ยลงอีกหนึ่งครั้งปีนี้ บล.กรุงศรีมองเงินไหลเข้าต่อ ปรับลดเป้ากำไรแบงก์กลาง-ใหญ่ ส่วนเล็กและไฟแนนซ์ได้ประโยชน์ ด่วน!ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีคลิปเสียงนายก-ฮุนเซ็น 29 ส.ค. 68

วันที่ 13  ส.ค. 2568 ดัชนีหุ้นไทยพุ่งขึ้นแรง 1.46% เกาะกลุ่มตลาดในภูมิภาคส่วนใหญ่บวก ฮ่องกงทะยานขึ้นสูงถึง 2.58% ญี่ปุ่นบวก 1.30% คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. นี้ ส่วนที่ประชุมกนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย นโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ตามคาด ระหว่างวันมีแรงขายหุ้นแบงก์ออกมาบ้าง ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาหนุนดัชนี SET ปิดที่ 1,277.43 จุด พุ่งแรง 18.36 จุด หรือ 1.46% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 70,060.51 ล้านบาท  ด้านค่าเงินบาท ปิด 32.25 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค จากปัจจัยที่ดอลลาร์อ่อนค่าหลังตลาดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ยก.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยมากถึง 6,655.96 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายด้วย 1,410.41 ล้านบาท จากแรงซื้อของสถาบันไทยช้อนมากถึง 7,778.30 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 288.06 ล้านบาท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองช่วงที่เหลือปรับลดอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง  หลังกนง.มองเศรษฐกิจไทยเปราะบางขึ้น โดยเฉพาะ SMEs ท่ามกลางผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอาจช่วยลดต้นทุนทางการเงินและบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบางได้ในระดับหนึ่ง

” กนง. ให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินมากขึ้น และเงินบาทแข็งอาจมีนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และมองความเสี่ยงด้านเครดิตส่งผลต่อการหดตัวของสินเชื่อ ในขณะที่คุณภาพสินเชื่อยังด้อยลง”

ธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่า กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เงินบาทแข็งค่าขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นปรับสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 2 ปี ทรงตัว สะท้อนว่าผลการประชุมออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาด  โดยคาดว่ากนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยต่ออีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้   ในระยะสั้น เงินบาทอาจจะยังเผชิญแรงกดดันด้านแข็งค่าในกรอบ 32.00-32.50 เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว  เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยได้ต่อเนื่องและมากกว่าธนาคารกลางอื่น ๆ จึงทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ อาจแคบลง ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าเทียบสกุลเงินภูมิภาค รวมถึงเงินบาท

“เงินทุนเคลื่อนย้ายมีแนวโน้มไหลเข้าเอเชียต่อได้ จากเงินเฟ้อที่ยังต่ำและแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่อได้  ทำให้มีกำไรจากการถือครองพันธบัตรรัฐบาล นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานโลกเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงของเอเชีย”

บล.กสิกรไทยมองนโยบายการเงินไทยที่เชื่อว่าจะผ่อนคลายชัดเจนขึ้นในช่วงปลายปี ประเมินเป็นบวกกับกลุ่มไฟแนนซ์, ค้าปลีก, ไฟฟ้า, ICT, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, และปิโตรเคมี ขณะที่ผลกระทบต่อ SET Index ประเมินดอกเบี้ยที่ปรับลงทุกๆ 0.10% จะกระทบต่อดัชนีราว 20 จุด

บล.พาย มองว่า ระยะสั้นอาจสร้างแรงกดดันต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหากราคาปรับลงมามองเป็นโอกาสสะสมมากกว่าเพราะกำไร กลุ่มแบงก์ช่วงที่ผ่านมาเติบโตได้จากพอร์ตการลงทุนและลดค่าใช้จ่าย โดยกลุ่มได้ประโยชน์มองไปยังนอนแบงก์,อสังหาฯ

บล.กรุงศรีอยุธยา เผยหุ้นไทยพุ่งแรงสอดคล้องกับฝั่งเอเซียเหนือ และกลุ่ม TIPs  รงหนุนจากข่าวที่สหรัฐเลื่อนขึ้นภาษีนำเข้ากับจีน 90 วัน และสหรัฐฯยังกลับมาอนุญาตให้ NVIDIA AMD ส่งออกชิปไปจีนได้ และผลประชุมกนง.ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ลงเหลือ 1.5% ตามที่คาด

นอกจากนี้ได้ประเมินผลกระทบภายใต้สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงทุกๆ -0.25% กระทบเต็มปีในปี 2568 พบว่าประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ของไฟแนนซ์มี upside ประมาณ +1.3%จึงยังคงน้ำหนักการลงทุนเป็น BULLISH เลือก MTC และ KTC เป็น Top Pick  สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีการปรับลดประมาณการกำไรของธนาคารขนาดกลางและใหญ่ลง ส่วนธนาคารขนาดเล็ก KKP,TISCO ทำธุรกิจเช่าซื้อได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลง

ด้านบล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) รายงานว่าศาลรัฐธรรมนูญเลือกวันตัดสินคดีคลิปเสียงนายก-ฮุนเซ็นเป็นวันที่ 29 ส.ค. 2568 ทำให้ประเด็นการเมืองกลับมามีน้ำหนักกดดัน SET Index อาจต้องระมัดระวังแรงขายลดความเสี่ยงในช่วงใกล้วันตัดสินคดี