HoonSmart.com>> “ตลาดทั่วโลก” ยังเผชิญความเสี่ยงความไม่แน่นอนจากนโยบาย “ทรัมป์” เซอร์ไพร์ส ในระยะเวลาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกกว่า 3 ปี การจัดพอร์ตกระจายการลงทุน “สินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก” ในที่เดียว ช่วยกระจายความเสี่ยง ผ่านกลยุทธ์ “All Weather Asset Allocation Approach” จาก Bridgewater ซึ่งเป็น Hedge Fund ชั้นนำของโลก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกลงทุน พอร์ตมีความยืดหยุ่น รับมือทุกสภาวการณ์ “รอด” ทุกมรสุม พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าถึงการลงทุน ผ่านกองทุน “MGALL-H และ MGALL-UH” ที่มีให้เลือกทั้งแบบมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยง

“กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล สตราทีจิค อัลโลเคชัน Hedged” (MGALL-H) และ “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล สตราทีจิค อัลโลเคชัน Unhedged” (MGALL-UH) (ความเสี่ยงระดับ 5) เป็นกองทุนรวมผสมลงทุนต่างประเทศ มีนโบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก SPDR® Bridgewatere All Weather® ETF ซึ่งเป็นกองทุน ETF บริหารเชิงรุกที่กระจายการลงทุนใน “สินทรัพย์หลากหลายประเภท” ทั่วโลก
จุดเด่นกองทุน
1. กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก ผ่านการลงทุนในกองทุนหลัก SPDR® Bridgewater® All Weather® ETF (ALLW) ที่ได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่น และสามารถรับมือกับสภาวะตลาดที่หลากหลาย
2. SPDR® Bridgewatere All Weather® ETF เป็นกองทุน ETF เชิงรุกที่กระจายการลงทุนทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ All Weather ของ Bridgewater หนึ่งในบริษัทลงทุนชั้นนำของโลก
3. Bridgewater หนึ่งในบริษัทบริหารเงินลงทุน (Hedge Fund) ที่ใหญ่และทรงอิทธิพล ที่สุดในโลก โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดย Ray Dalio นักลงทุนและผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะในด้าน เศรษฐศาสตร์มหภาค (macro) และการจัดพอร์ตเชิงกลยุทธ์ (strategic asset allocation)
4. มีความยืดหยุ่น รับมือได้ทั้งเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย ด้วยกลยุทธ์ All Weather ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง และสร้างโอกาสในทุกสภาพตลาด
แนวคิด All Weather แบ่งเศรษฐกิจออกเป็น 4 มุมมอง

“Bridgewater” ออกแบบกลยุทธ์ “All Weather Strategy” เพื่อสร้างพอร์ต “อยู่รอดได้ในทุกสภาวะ” ไม่ว่าตลาดจะขึ้น จะลง หรือจะเกิดเงินเฟ้อ การลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงไปใน “หลายสินทรัพย์ทั่วโลก” หลักๆ ลงทุนใน “ตราสารหนี้-หุ้น-ทองคำ” เพื่อให้พอร์ตมีโอกาสแข็งแกร่งและเติบโตได้ในระยะยาว
จากจุดเริ่มต้นที่ “Ray Dalio” ใช้กับพอร์ตทรัสต์ส่วนตัวในปี 1996 และต่อมาได้รับความนิยมจากสถาบันขนาดใหญ่ เช่น กองทุนบำนาญ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานรัฐ โดยยอมรับว่าเป็นแนวคิดใหม่ที่ทำให้พอร์ตลงทุนมั่นคงต่อความผันผวนของโลกในระยะยาว
ผลงานของเขาเป็นที่รู้จักทั่วโลกหลังจากกองทุน สร้างผลตอบแทนเป็น “บวก” สวนทางตลาดที่ติด “ลบ” ท่ามกลางวิกฤต Lehman Brothers ในปี 2008
ล่าสุดช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา “Bridgewater” จับมือ “State Street Global Advisors” (SSGA) หนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ State Street Corporation บริษัทการเงินระดับโลกจากสหรัฐฯ (Asset Custodian Bank) ก่อตั้งในปี 1792 หนึ่งใน Custodian 3 รายใหญ่ระดับโลก นำกลยุทธ์การลงทุนมาออกแบบเป็น SPDR® ETFs คือกองทุนรวม ETF ภายใต้แบรนด์ SPDR® ซึ่งออกและบริหารโดยบริษัท State Street Global Advisors (SSGA)
“เป็นโอกาสของนักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนด้วยกลยุทธ์ของ Hedge Fund ที่สร้างพอร์ตในการถือครองสินทรัพย์หลากหลาย ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ยังมีสินทรัพย์ที่รับมือได้และสร้างผลตอบแทนให้แก่พอร์ตโดยรวม และอีกจุดแข็งของกองทุน คือ Maximum Drawdown ค่อนข้างต่ำกว่าตลาด มีความสามารถในการควบคุมความเสี่ยงของกองทุนได้ดี”
ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนกองทุนหลัก SPDR® Bridgewatere All Weather® ETF มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นและทองคำ สัดส่วนหลักๆ อยู่ในตราสารหนี้ 70% หุ้น 30% และทองคำ
จากการศึกษาที่พบว่าการสร้างพอร์ต 50:50 หรือ 60:40 ในตราสารหนี้-หุ้น นั้น มีความผันผวนเกินไป ไม่สามารถรับความเสี่ยงและพอร์ตไม่มีความทนทานได้ดี จนพบว่าสัดส่วนที่เหมาะสมอยู่ที่ 70:30 (ตราสารหนี้-หุ้น-ทอง)
ด้านผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก นับตั้งแต่จัดตั้งเดือนมี.ค.2568-4 ส.ค.2568 ผลตอบแทน 5% ในรูปสกุลดอลลาร์ ถือว่าทำผลงานได้ค่อนข้างดีในกลุ่ม Multiasset (ข้อมูล บลจ.เอ็มเอฟซี)
“หากเกิดการเทขายหุ้น จากการที่ตลาดปรับมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ พอร์ตแบบ ALLW (All Weather) อาจไม่ได้รับผลกระทบในทางลบมากเท่ากับพอร์ตที่เน้นสินทรัพย์การเติบโตสูง ในทำนองเดียวกัน หากคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อ nominal bonds การจัดสรรสินทรัพย์ของกองทุนในพันธบัตรที่เชื่อมโยงกับเงินเฟ้อ (inflation-linked bonds) ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์ อาจช่วยลดผลกระทบจาก nominal bonds ต่อพอร์ตการลงทุนโดยรวมได้”
ดังนั้น การถือครองสินทรัพย์หลากหลายไม่ว่าเศรษฐกิจเติบโต หรือเงินเฟ้อ ยังมีสินทรัพย์ที่รับมือได้และสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่พอร์ตโดยรวม กองทุน MGALL-H , MGALL-UH จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการให้ผู้จัดการกองทุนปรับพอร์ตลงทุนให้ ไม่ต้องเลือกลงทุน “รายหุ้น” หรือ “รายกองทุน” ด้วยตัวเอง ถือว่าลงทุนจบในกองทุนเดียว หรือหากต้องการหาโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติมก็สามารถเลือกกองทุนรายกลุ่มหรือรายประเทศ ที่เล็งเห็นโอกาสเพิ่มผลตอบแทนก็เป็นอีกทางเลือก
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุน “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC)” อยู่ระหว่างเสนอขาย IPO กองทุน MGALL-H , MGALL-UH วันที่ 4-15 ส.ค.2568 ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาทและซื้อถัดไปที่ 1,000 บาท โดยกองทุนเปิดให้ซื้อขายได้ทุกวันทำการและกรณีขายคืนได้รับเงินภายใน T+3 (3 วันทำการ) ซึ่งถือเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) ในตลาดส่วนใหญ่อยู่ที่ T+5 (5 วันทำการ)
