HoonSmart.com>>WIN-WIN-WIN บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) เปิดโมเดลธุรกิจครบวงจร นำทรัพย์บ้านเดี่ยวมือสองราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ให้”บางกอก แอสเซท”(BKA) ยืมไปตกแต่ง 8-10 เดือน ขายถูกกว่าบ้านใหม่ 30% มีธนาคารยูโอบี หนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 2.99% ต่อปี นาน 3 ปีให้ลูกค้า เป้า 100 ล้านบาท ช่วย BAM เร่งผลเรียกเก็บหนี้เร็วขึ้น จาก 8 ปี เหลือ 4 ปี เปิดกว้างพันธมิตรบริหารทรัพย์ทั้งหมด 24,000 ชิ้น มูลค่า 72,000 ล้านบาท ปลายปีนี้เพิ่มทรัพย์ก้อนใหญ่
วันนี้ (7 ส.ค. 2568) บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับ บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) และ ธนาคารยูโอบี (UOB)
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ กล่าวว่า BAM ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดได้ขยายความร่วมมือในการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่พันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพของทรัพย์ที่ BAM ถือครอง ทั้งหมด 24,000 ชิ้น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 72,000 ล้านบาท เพื่อพลิกทรัพย์ร้าง เป็นทรัพย์สร้างกำไร ให้สามารถกลับเข้าสู่ตลาดในรูปแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อจริง โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดระดับกลางถึงบน โครงการนี้เปิดโอกาสให้ซื้อบ้านเดี่ยวมือสองในราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป บนทำเลทอง ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ
สำหรับ BKA ที่มีประสบการณ์มานาน 12 ปี ในการบริหารและพัฒนาทรัพย์มาให้มีศักยภาพสูงขึ้น เน้นกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 5 ล้านบาท ขึ้นไป ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดเมืองขยายและเขตชานเมือง ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่กว่า 100 ล้านบาท โดย BAM ช่วยกลั่นกรองและปรับสภาพหนี้ (Buffer) ของลูกหนี้ เพื่อลดภาะหนี้ของสถาบันการเงิน และจะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่ง UOB จะเข้ามาเป็นพันธมิตรที่พร้อมสนับสนุนโครงการอย่างเป็นรูปธรรม
“ความร่วมมือครั้งนี้ ไม่จำกัดเฉพาะ BKA เท่านั้น BAM พร้อมเปิดประตูให้กับพันธมิตรรายใหม่เข้าร่วมโครงการ นี่คือก้าวสำคัญในการ Re-Activate ทรัพย์ที่หลับใหล ให้กลายเป็นโอกาสที่จับต้องได้ โดย BAM มุ่งมั่นผลักดันให้ทรัพย์ NPA ไม่ใช่เพียง ‘ภาระ’ แต่กลายเป็น ‘ต้นทุนแห่งโอกาส’ ที่นักลงทุนและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถใช้ต่อยอดได้จริง ซึ่งเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้ช่วยจุดประกายความเป็นไปได้ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ New Asset Ecosystem ที่เชื่อมโยงผู้ถือทรัพย์ – ผู้พัฒนา – สถาบันการเงิน เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ โดยเปลี่ยนทรัพย์ที่เคยถูกทิ้งร้าง ให้กลับมามีชีวิต สร้างมูลค่า และหมุนเวียนกลับสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ”
สำหรับโมเดลธุรกิจของ BAM ในการเพิ่มพันธมิตรทุกระดับที่มีความเชี่ยวชาญในเฉพาะด้าน เช่น ความร่วมมือกับ บริษัทวี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ ในการขายทรัพย์ต่ำกว่า 3 ล้านบาท, บริษัทไซมิส แอสเสท (SA) การขายทรัพย์ขนาดใหญ่ ล่าสุดกับ BKA ในการขายทรัพย์ราคา 5-10 ล้านบาทขึ้นไป ขณะเดียวกัน BAM ยังเดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้ และการบริหารจัดการหนี้อย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตของรายได้ด้วยอัตรากำไรที่ดีขึ้น ส่งผลต่อกำไรสุทธิ รวมถึงผลเรียกเก็บหนี้เร็วขึ้น จากปัจจุบัน 8 ปี เหลือ 4 ปี สำหรับในปีนี้คาดว่าผลเรียกเก็บหนี้ จะทะลุเป้าหมายที่วางไว้ 1.78 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ BAM ยังมีการประมูลทรัพย์ใหม่ คาดว่าไตรมาสที่ 4 จะได้ทรัพย์มูลค่าสูงมาบริหาร ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์เร่งขายทรัพย์ออกมาก่อนที่จะเสีย เพื่อไม่เป็นภาระในการตั้งสำรองหนี้ 100% ทำให้ได้ทรัพย์เป็น ในราคาที่ถูก ช่วยให้การแก้ไข และบริหารให้ลูกหนี้รอดได้ดีกว่าทรัพย์ที่ตายแล้ว
นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป กล่าวว่า การจับมือกับ BAM และ UOB ครั้งนี้ ทำให้เกิดโมเดลใหม่ที่ครบวงจร โดย BKA นำทรัพย์ NPA มาปรับปรุงต่อยอดให้พร้อมอยู่เพื่อขาย สามารถกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อีกครั้ง ที่ผ่านมา BKA ใช้เวลาในการพัฒนา 8-10 เดือน ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯเคยขายได้ 200-300 หลังต่อปี เมื่อระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ได้ คาดว่าจะเพิ่มเป็น 400-500 หลัง
“การผนึกกำลังร่วมกันในครั้งนี้ เปรียบเสมือนการสร้างโมเดลความร่วมมือที่ครบวงจรอย่างแท้จริง จากความแข็งแกร่งของ BAM ในฐานะผู้ที่มีทรัพย์ NPA คุณภาพหลากหลายรอการพัฒนา UOB ที่มีทบาทสำคัญในการสนับสนุนสินเชื่ออย่างครบวงจร และ BKA ทำหน้าที่เป็น “แกนกลาง” ในการเชื่อมต่อ “ทรัพย์ – การพัฒนา – การเงิน” เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ และคาดหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถขยายพอร์ตได้เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ”นายพชรกล่าว
นายยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าว บ้านในทำเลดี คุณภาพได้ ราคาไม่ไกลเกินฝัน คือสิ่งที่ผู้บริโภคมองหาในยุคนี้ ความร่วมมือครั้งนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์”เป็นรูปธรรม บ้านมือสองที่ผ่านการรีโนเวทโดยมืออาชีพภายใต้มาตรฐานที่ธนาคารเชื่อมั่น ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น พร้อมความมั่นใจในคุณภาพของบ้านที่พร้อมอยู่อาศัยจริง
“ยูโอบีออกแบบข้อเสนอสินเชื่อพิเศษ ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.99 % นาย 3 ปี และฟรีค่าประเมินหลักประกัน เพื่อให้ลูกค้ามีภาระผ่อนที่คาดการณ์ได้ และสามารถตัดสินใจเป็นเจ้าของบ้านได้ในเวลาที่ใช่ เราเชื่อว่าการปลดล็อกศักยภาพของบ้านมือสอง คืออีกหนึ่งคำตอบสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยในวันนี้”นายยุทธชัยกล่าว
