HoonSmart.com>>”บัตรกรุงไทย” (KTC) และพันธมิตรธุรกิจระดับพรีเมียม สยามพิวรรธน์-เฟอร์รารี่-ยูบิลลี่ มีมติเอกฉันท์ ตลาดผุู้บริโภคระดับบน สินค้าลักซ์ชัวรี่ยังคงเติบโตดี ฝ่าภาวะเศรษฐกิจโตต่ำ เปิดโอกาสธุรกิจมาก เสนอสินค้าและบริการที่โดนใจพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป สะท้อนคุณค่าเฉพาะบุคคล ให้ประสบการณ์ที่แตกต่าง “เคทีซี”มั่นใจปีนี้เติบโตเข้าเป้า 10% ระมัดระวังการออกบัตรใหม่ ครึ่งปีแรก NPLs เพียง 1.1-1.2%
บริษัทบัตรกรุงไทย (KTC) ร่วมกับ 3 พันธมิตรธุรกิจระดับพรีเมียม สยามพิวรรธน์ เฟอร์รารี่และยูบิลลี่ จัดเวทีเสวนา KTC FIT Talk ครั้งที่ 18 ในหัวข้อ “Resilience is the New Luxury: อนาคตเศรษฐกิจไทยในมือผู้บริโภคระดับบน” โดยนายอภิเชษฐ์ เกียรติวรคุณ CFA ผู้อำนวยการ-การเงิน บริษัท บัตรกรุงไทย กล่าวว่า ปี 2568 เศรษฐกิจไทยเหมือนกำลังเดินอยู่กลางเพอร์เฟกต์สตอร์ม (พายุที่สมบูรณ์แบบ) คาดว่าจะเติบโตเพียง 1.6-2.3% ต่ำที่สุดในรอบหลายปี
ขณะเดียวกันเห็นภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาดผู้บริโภคระดับบน ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวแบบ ‘K-Shaped’ ที่ไม่เท่าเทียมกัน และเป็นสัญญาณเตือนให้ภาคธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน กลุ่มสินค้าและบริการระดับลักซ์ชัวรี่ คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 9.8% ในช่วงปี 2568-2575 (ข้อมูลจาก Verified Market Research) ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นจากราคาสินทรัพย์ นำที่ดินไปปล่อยเช่าหรือนำไปขาย ทำให้กล้าจับจ่ายในสอย และกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth: HNW)
“สินค้าและบริการลักชัวรี่ เป็นโอกาสในภาวะวิกฤตนี้ ความมั่งคั่งกำลังถูกใช้จ่ายด้วยมุมมองใหม่ ไม่ใช่การอวดอ้าง แต่เป็นการเลือกเสพสิ่งที่ตรงกับตัวตน กลยุทธ์ของลักชัวรี่จะต้องสัมผัสได้ การใส่เข็มขัด ไม่จำเป็นจะต้องมีแบรนด์มาติด แต่จะต้องมากกว่านั้น เข็มขัด Loro Piana หรือกระเป๋า Bottega Veneta ไม่มีโลโก้แต่แพงที่สุดในรุ่น เจ้าของแบรนด์จะต้องปรับ ให้สินค้าจับต้องได้ การฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาองค์กรอยู่ได้อย่างยั่งยืน”นายอภิเชษฐ์กล่าว
นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย กล่าวว่า ทาง KTC ยังไม่ปรับเป้าการเติบโตในปี 2568 ที่ตั้งไว้ 10% จากในช่วงครึ่งปีแรกปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 4.4% ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับบนมีการใช้เติบโตขึ้นสองหลัก และคาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อ แม้ว่าในครึ่งปีหลังจะมีความท้าทาย จากปัจจัยลบต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก แต่ยังคงมั่นใจว่าจากกลยุทธ์ต่าง ๆ จะทำให้ยอดการเติบโตเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่มีการเพิ่มความระมัดระวังในการออกบัตรใหม่และการดูแลเรื่องคุณภาพหนี้ ครึ่งปีแรก NPLs อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.1-1.2% เท่านั้น
KTC เห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้น แต่ยังคงเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการเฉพาะตัวอย่างแท้จริง ปัจจุบันสมาชิกที่มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป คิดเป็น 20% ของพอร์ต สร้างยอดใช้จ่ายรวมถึง 40% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด ขณะที่กลุ่มรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน มีอยู่ประมาณ 7-8% มีสัดส่วนการใช้จ่ายถึง 20% โดยหมวดการใช้จ่ายหลักของกลุ่มนี้ ได้แก่ ประกันภัย การท่องเที่ยว การดูแลสุขภาพ รวมถึงการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ร้านอาหารและน้ำมัน
“ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงในยุคนี้ ไม่ได้มองหาส่วนลดที่มากที่สุด แต่มองหาสิ่งที่ ‘มีคุณค่า’ และ ‘มีความหมาย’ กับชีวิต เราจึงออกแบบกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ผ่าน 3 แนวทางหลัก ที่เน้นการสร้างคุณค่าเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง
1) Exclusive Value คัดสรรสิทธิประโยชน์ตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกเฉพาะกลุ่ม โดยใช้แนวคิด “By Invitation Only” เพื่อสร้างความรู้สึกพิเศษ เช่น การออกแบบแคมเปญเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าเฟอร์รารี่และยูบิลลี่โดยเฉพาะ
2) CRM & Loyalty Program ร่วมกับพันธมิตรในการขยายฐานสมาชิกและต่อยอดประสบการณ์ลูกค้าบนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าคุ้นเคย เช่น การแลกเปลี่ยนคะแนนสะสมระหว่างเคทีซีและสยามพิวรรธน์ ผ่านแอปพลิเคชัน ONESIAM SuperApp และ
3) Service Excellence การบริการที่เชื่อถือได้และเข้าใจกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ เช่น Gen Z และกลุ่ม Tech-driven Wealth ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและคุณค่าทางสังคม
นางธณพร ตันติยานนท์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า ONESIAM บริษัท สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ กล่าวถึงการทำโครงการธุรกิจค้าปลีกระดับลักซ์ชัวรี่ว่า ธุรกิจลักซ์ชัวรีกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยผู้บริโภครุ่นใหม่มีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางจริยธรรม ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล และประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าการครอบครองสินค้าหรูหราเพียงอย่างเดียว
“เราไม่ใช่แค่ศูนย์การค้า สยามพิวรรธน์เป็นที่สร้างประสบการณ์ ตอบโจทย์กับทุกกลุ่ม ไม่ได้ดูแลเฉพาะผู้มีรายได้สูง โดยมีสินค้าลักซ์ชัวรี่มากที่สุดในประเทศไทย ที่ตอบโจทย์ต้องมีคุณภาพสูง หายาก สะท้อนตัวตนของผู้บริโภคอย่างแท้จริง และมองเห็นโอกาสในการสร้างนิยามใหม่ของ ‘New Luxury’ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบรนด์ใหญ่ แต่ต้องเป็นที่สุดในด้านคุณค่าและความคุ้มค่า พร้อมสร้างคอมมูนิตี้ระดับโลก ผ่านแพลทฟอร์มที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้สัมผัสและมีส่วนร่วมกับประสบการณ์ในรูปแบบที่จับต้องได้ ตลาดลักซ์ชัวรี่ในต่างประเทศ ยังมองว่าประเทศไทยยังน่าลงทุน เห็นศักยภาพในเรื่องการเติบโต ติดท็อปของกำลังซื้อ บางแบรนด์ มียอดขายแซงสิงคโปร์แล้ว”นางธณพรกล่าว
สำหรับสยามพิวรรธน์มุ่งเน้นการบริหารแบบ Agile Strategy และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการทำงานร่วมกันข้ามสายงาน แผนงาน 3-5 ปี ไม่สามารถตอบโจทย์ จะต้องปรับทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี พร้อมพัฒนาบุคลากรให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างมั่นคงและมีความรับผิดชอบต่อสังคม
นางนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ ผู้นำเข้าและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่ (Ferrari) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า การนำแบรนด์ระดับโลกอย่างเฟอร์รารี่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ถือเป็นภารกิจที่ท้าทายไม่น้อย ทั้งในด้านภาษีนำเข้า ต้นทุนการดำเนินงาน และการแข่งขันจากผู้นำเข้าอิสระ แต่คาวาลลิโน มอเตอร์ มองว่า คือโอกาสในการแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่แท้จริงของแบรนด์ ให้ความสำคัญกับการส่งมอบ ‘คุณค่า’ ผ่านประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ลึกซึ้งและมีความหมาย เชื่อว่าลูกค้ากลุ่มผู้มีฐานะ ไม่ได้มองหาเพียงความหรูหราภายนอก แต่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดและความใส่ใจในระยะยาว
บริษัทลงทุนในโชว์รูมรถ และอู่สีใหม่ รวมถึงจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น เอสเปรีเอนซ่า เฟอร์รารี่ (Esperienza Ferrari) ปาสซีโอเน เฟอร์รารี่ คลับ ชาเลนจ์ (Passione Ferrari Club Challenge) และการพาลูกค้าเข้าร่วมงานยูนิเวอร์โซ เฟอร์รารี่ (Universo Ferrari) ที่ต่างประเทศ เพื่อสะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์ระดับโลกผ่านประสบการณ์จริง โดยยึดมั่นแนวคิด‘ความหรูหราที่แท้จริง’ (True Luxury) คือความต่อเนื่อง ความซื่อสัตย์ และบริการที่เป็นเลิศ จึงมุ่งยกระดับบุคลากร ระบบ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างมาตรฐานระดับ 5 ดาวที่ยั่งยืน พร้อมดูแลลูกค้าเสมือนเป็นครอบครัว ด้วยแนวคิด ‘เฉพาะคุณ’ ที่ใส่ใจในทุกขั้นตอนของประสบการณ์ลูกค้า ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้แทนจำหน่าย แต่ในฐานะผู้ดูแลความสัมพันธ์ระยะยาว บนความเชื่อว่า เฟอร์รารี่ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นตัวแทนของแรงบันดาลใจ ไลฟ์สไตล์และความสำเร็จที่สัมผัสได้จริงในทุกมิติ พร้อมเดินหน้าอย่างมั่นคงด้วยความเข้าใจลูกค้า และการบริหารองค์กรที่ยืดหยุ่น ทันต่อทุกการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคให
“ลักซ์ชัวรี่เป็นเรื่องทุกยุค กลุ่ม Gen C จะต้องมองถึง Passion (ความคลั่งไคล้) เป็นสิ่งที่ไฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ส่วน Gen Y มองเรื่องรางวัลชีวิต และ Gen C มองตำนาน มีรุ่นทุกรุ่นทุกสิ่งตอบโจทย์ เราไม่ได้ขายรถ แต่เป็น”การขายฝัน” มีการทดลอง มีประสบการณ์ในการขับ ที่หรูหรา 3 วัน ความลักซ์ชัวรี่เป็นรางวัล นำประสบการณ์แบรนด์ที่เป็นลักซ์ชัวรี่ของโลก นำมาให้คนไทยมีประสบการณ์ระดับโลก เรารักาาลูกค้ากลุ่มเดิม และยังต้องการลูกค้ากลุ่มใหม่ ในเร็วๆนี้ จะมีรถ EV ที่มีแบตเตอรี่เข้ามาเสนอ เข้ากับนโยบายลดคาร์บอน โรงงานที่ปารีส จะต้องมีความเป็นกรีน รวมถึงศูนย์ซ่องบำรุง ปรับให้เข้ากับนโยบายของรัฐและของโลก ตามความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ ธุรกิจค้าเพชรและเครื่องประดับเพชรเบอร์หนึ่งของไทย กล่าวว่า ผู้บริโภคกลุ่มลักซ์ชัวรี่ไม่ได้มองหาสินค้าราคาแพงเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความหมาย และการสะท้อนตัวตน ยูบิลลี่ ไดมอนด์ จึงตอบโจทย์ด้วยงานออกแบบที่ประณีต การปรับแต่งเฉพาะบุคคล (customization) และประสบการณ์การเลือกซื้อที่เป็นหนึ่งเดียว สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างลูกค้าและแบรนด์ ในยุคที่การใช้จ่ายต้องมีเหตุผลมากขึ้น โดยกลุ่มผู้มีฐานะ และกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง ยังคงให้ความสำคัญกับ “คุณภาพเหนือราคา” โดยเฉพาะเมื่อสินค้านั้นสามารถตอบโจทย์ทางอารมณ์และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ยูบิลลี่ ไดมอนด์จึงเน้นบริการระดับเวิลด์คลาส ความใส่ใจเฉพาะบุคคล และความน่าเชื่อถือในฐานะแบรนด์เพชรอันดับหนึ่งของไทยที่อยู่คู่สังคมไทยมากว่า 96 ปี
“ช่วงวิกฤตโควิด-19 ถือเป็นบทพิสูจน์ความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัวจากความท้าทายของแบรนด์ ยูบิลลี่ ไดมอนด์ เราปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยการเปิดช่องทางขายออนไลน์ครบวงจร และดูแลลูกค้าผ่านทุกแพลตฟอร์ม พร้อมเดินหน้าพัฒนาในด้านความยั่งยืน เทคโนโลยี และการสื่อสารแบรนด์อย่างโปร่งใส”
ยูบิลลี่ฯยังให้ความสำคัญกับ ‘ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า’ และข้อมูลพฤติกรรมการซื้อ เพื่อใช้ในการวางแผนกลยุทธ์อย่างแม่นยำ หรือการสร้างแคมเปญสื่อสารที่ตรงใจลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมโยงกับความต้องการเฉพาะบุคคลในแต่ละช่วงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความท้าทายในการทำธุรกิจลักซ์ชัวรี่ในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัว คือการรักษา ‘ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง’ กับลูกค้า และการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ เช่น Gen Z และกลุ่มผู้มีฐานะรุ่นใหม่ จึงคิดแคมเปญต่างๆ ที่พูดสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างตรงประเด็น ลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านดิจิทัลที่ลื่นไหล ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง สื่อสารอย่างจริงใจเพื่อสร้างความผูกพันที่ยั่งยืน ด้วยหลักการ “ปรับไวแต่ไม่ทิ้งแก่น” โดยยึดมั่นใน 3 แกนหลักของแบรนด์ ได้แก่ ความเป็นเลิศ (Excellence) มรดกแห่งความเชื่อมั่น (Legacy) และความไว้วางใจ (Trust) พร้อมส่งต่อคุณค่าและความเชื่อมั่นจากรุ่นสู่รุ่นอย่างแท้จริง
