SCC พักตัวหลังตอบรับกำไรสุทธิ Q2 แกร่ง ไตรมาส 3 กำไรหลักโตจากทุกธุรกิจ

HoonSmart.com>>โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มอง SCC กำไรหลักไตรมาส 3/68 เติบโต YoY จากกำไรเพิ่มขึ้นทุกธุรกิจ ขณะที่ราคาหุ้นขึ้นสูงสะท้อนภาพกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 แข็งกกร่งจากรายการพิเศษไปแล้ว โดยบล.ยูโอบีฯ ให้ราคาเป้าหมายใหม่สูงถึง 240 บาท ด้านบล.เอเชีย พลัส มองคลื่นลมยังไม่สงบ แต่พร้อมเดินหน้าต่อด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้านหุ้น SCC ปิดเช้าย่อลง 3.62% ที่่ 199.50 บาท

บล.บัวหลวง ประเมิน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 17,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 เท่าYoY และ 15 เท่า QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ กำไรจากการซื้อในราคาต่อรองและการปรับมูลค่าเหมาะสม (รายการที่ไม่ใช่เงินสด) 16,712 ล้านบาท ขาดทุนจากสต็อกสินค้า 913 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ 1,542 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 3,080 ล้านบาท ลดลง 24%YoY แต่เพิ่มขึ้น 160% QoQ กำไรสุทธิสูงกว่าคาด เนื่องจากกำไรพิเศษที่จำนวนมาก กำไรหลักมากกว่าคาด 8% เนื่องจากรายได้อื่นมากกว่าคาด SCC ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับครึ่งแรกของปี 2568 ที่ 2.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลที่ 1.2% (ขึ้น XD 13ส.ค. และจ่ายปันผล 28 ส.ค.)

ทั้งนี้ คาดกำไรหลักไตรมาส 3/68 ของ SCC มีแนวโน้มจะฟื้นตัว YoY หนุนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นจากทุกธุรกิจในแง่ของ QoQ กำไรหลักมีแนวโน้มลดลง QoQ เนื่องจากกำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ลดลงตามฤดูกาล และไม่มีรายได้จากเงินปันผล

แม้ว่าจะยังคงประมาณการกำไรหลักปี 2568 ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ 7,019 ล้านบาท แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ขึ้น 209% เป็น 21,188 ล้านบาท(เพิ่มขึ้น 234%YoY) เพื่อสะท้อนรายการพิเศษที่บันทึกไว้ในไตรมาส 2/68 อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่สูงกว่าคาด

ไตรมาส 3/68น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไป ดังนั้นจึงแนะนำ let-profit-run (ทยอยสะสมในกรณีที่ตลาดปรับตัวลง)
บล.กรุงศรี มองบวกต่อกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าคาด จากกำไรพิเศษก้อนใหญ่ และเป็นสาเหตุหลักของการโตสูง y-y q-q หากตัดรายการพิเศษออกกําไรปกติฟื้น q-q หนุนจากปันผลโตโยต้าและอัตรากําไรที่เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจซีเมนต์และปิโตรเคมี จึงอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกําไร สะท้อนกําไรพิเศษ และการลดค่าใช้จ่ายคงที่จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ (มีupside อีกราว 10 บาท)เบื้องต้นคงคำแนะนำ Neutral (เป็นกลาง) ต่อ SCC ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 175 บาท/หุ้น (ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 187 บาท)

ทั้งนี้ คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2568 โต y-y อัตรากำไรธุรกิจซีเมนต์เพิ่มตามการปรับเพิ่มราคาขาย +2% และต้นทุนพลังงานลดลง รวมถึงธุรกิจปิโตรเคมี product spread ฟื้นตัวอย่างน้อย 8-11% y-y จากการลด run/shutdown ของโรงผลิตทั่วโลกส่งให้ supply ตึงตัวมากขึ้น แต่กำไรจะลด q-q เนื่องจากธุรกิจซีเมนต์เข้าสู่ฤดูฝน และธุรกิจปิโตรเคมี ปริมาณขาย PVC ลดลงตามความต้องการของอินเดีย รวมถึงไม่มีปันผลโตโยต้าเข้ามาหนุน

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น SCC กำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 เพิ่มขึ้น YoY, QoQ อย่างมีนัยสำคัญจากการรับรู้กำไรพิเศษจำนวนมาก แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษ Core Earnings ต่ำกว่าที่คาด จาก SCGC อย่างไรก็ตาม Core Earnings ไตรมาส 2 ฟื้นตัว QoQ จาก SCGC และ SCGP ด้านต้นทุนทางการเงินลดลงจากการนำกำไรพิเศษไปลดภาระหนี้ พร้อมปรับเพิมประมาณการ Core Earnings ในปี 2568-2569 และให้ราคาเป้าหมายใหม่ 240 บาท (เดิม 160 บาท) พร้อมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง และปี 2569 จากการฟื้นตัวธุรกิจ Cement building material (CBM)

ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการ Core Earnings และ Net profit ปี 2568 เพิ่มเป็น 31% และ 296% ตามลำดับ และปรับประมาณการ Core Earnings ปี 2569 เพิ่มขึ้น 10% สะท้อนการปรับสมมติฐานราคาซีเมนต์ในประเทศ และสมมติฐานสปรดปิโตรเคมี รวมถึงสะท้อนกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/68 ทำให้คาดว่า Core Earnings และกำไรสุทธิ ปี 2568 อยู่ที่ 2.27 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2569 คาด Core Earnings 1.7 หมื่นล้านบาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะ”ขาย”หุ้น SCC ราคาเป้าหมาย 140 บาท ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น 32% และ outperform SET 39% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนภาพกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่แข็งแกร่งจากการรับรู้กำไรพิเศษ ทั้งนี้ เบื้องต้นมองว่าบริษัทจะยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้าในครึ่งหลังปี 2568 ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยกดดันสเปรดโอเลฟินส์ให้ยังคงผันผวนสูง

SCC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 1.73 หมื่นล้านบาท (+368% YoY, +1,478% QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว กำไรปกติจะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (-42% YoY, +97% QoQ) ต่ำกว่าคาด โดยกำไรที่ลดลง YoY เป็นผลจากการรับรู้ค่าเสื่อมราคาของโครงการ Lon Son Petrochemical Complex (LSP) ที่สูงขึ้นและผลขาดทุนจากสต๊อก ขณะที่ดีขึ้น QoQ จากรายได้เงินปันผลที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล

ภาพรวมไตรมาส 3/2568 แม้บริษัทมีแผนที่จะกลับมาดำเนินการโครงการ LSP ตอนสิ้นเดือน ส.ค.2568 แต่เชื่อว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ (olefins spread) ที่ยังคงผันผวน

พร้อมคงประมาณการกำไรปกติปี 2568/2569 ที่ 5.0, 7.1 พันล้านบาท เทียบกับ 6.4 พันล้านบาทในปี 2567 โดยมีสมมติฐานสำคัญ คือ 1) ปริมาณขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะอยู่ในช่วง 2.6-2.7 ล้านตัน (mt) จาก 2.5 mt ในปี 2567 LSP 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ SCG Packaging (SCGP) ที่ลดลงอยู่ในช่วง 16.4%-16.7% จาก 16.9% ในปี 2567 และ 3) รายได้เงินปันผลที่น้อยลง

บล.เอเชีย พลัส ปรับเพิ่มประมาณการกําไรปี 2568 ของ SCC ขึ้น 135% เป็น 23,798 ล้านบาท สะท้อนกําไรพิเศษที่เกิดขึ้นในงวดไตรมาส 2/68 แต่ยังคงประมาณการกําไรปี 2569 ไว้เท่าเดิมที่ 16,931 ล้านบาท บนสมมุติฐานว่าธุรกิจหลักปี 2569 เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2568

ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 37% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตอบรับความคาดหวังเชิงบวกต่อกําไรพิเศษที่จะเกิดขึ้นในงวดไตรมาส 2/68 ไปพอสมควร จากนี้ไปเชื่อราคาหุ้นน่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดการฟื้นตัวของกําไรจากการดําเนินงานช่วงครึ่งปีหลังยังไม่ชัดเจนมากนักให้น้ําหนักการลงทุน Neutral ประเมินราคาเหมาะสม 210 บาท

ช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ SCC หลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปิโตรเคมีที่มีนัยสําคัญที่สุดต่อภาพรวมผลประกอบการของ SCC โดยกําลังการผลิตใหม่ของโรงงานปิโตรเคมีที่เกิดจากการแปลงโรงกลั่นน้ํามันในประเทศจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่อุตสาหกรรมน้ํามันเผชิญแรงกดดันจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทําธุรกิจปิโตรเคมีอยู่ในช่วงวัฏจักรขาลงยาวนานกว่าปกติแต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า Spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลักอย่าง HDPE-Naphtha และPP-Naphtha จะมี Downside Risk ในการปรับตัวลดลงอีกไม่มาก

หุ้น SCC ปิดเช้าที่ 199.50 บาท ลดลง 7.50 บาท หรือ -3.62% มูลค่าซื้อขาย 1,311.82 ล้านบาท

———————————————————————————————————————————————————–