HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดพุ่ง 10.46 จุด เก็งหุ้นเกี่ยวข้องกับภาษีของสหรัฐฯ หลังมีกระแสข่าวไทยจะได้ที่อัตราภาษี 18% ส่งหุ้นกลุ่มนิคมฯ อิเล็กทรอนิกส์ ดีดขึ้น สถาบันซื้อสุทธิ 2,161.25 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 1,266.51 ล้านบาท แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ ด่านสำคัญ 1,245-1,250 หากขึ้นมาชนอาจมีพักตัวบ้าง ส่วนแนวรับ 1,230 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 30 ก.ค.68 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,244.14 จุด เพิ่มขึ้น 10.46 จุด หรือ +0.85% มูลค่าซื้อขาย 54,670.81 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,245.44 จุด ต่ำสุด 1,234.21 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 264.86 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 629.88 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 1,266.51 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,161.25 ล้านบาท
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นดีกว่าช่วงเช้า วอลุ่มเทรดเกือบ 5 หมื่นล้านบาท รับแรงเก็งกำไรจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทั้ง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, นิคมอุตสาหกรรม, ปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าไทยน่าจะได้อัตราภาษีนำเข้า 20% +/- โดยหุ้นมีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับไปอยู่ช่วงวันที่ 2 เม.ย.2568
“หากไทยได้อัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่ 18% หุ้นก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปต่อได้ และมีลุ้นทดสอบ 1,300 จุด”
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) ตลาดคงจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,245 จุด หากขึ้นมาชนก็อาจจะพักฐานบ้าง ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,230 จุด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นช่วงบ่ายนี้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาที่กลุ่มนิคมฯ และอิเล็กทรอนิกส์ ลุ้นผลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทย ซึ่งบ่ายนี้มีกระแสข่าวว่าไทยจะได้รับอัตราภาษี 18% หากได้จริงดัชนีฯก็จะบวกได้เล็กน้อย เมื่อขึ้นมาชน 1,250 จุดก็อาจจะมี Sell on fact เพราะหุ้นขึ้นมารับความคาดหวังเชิงบวกเรื่องภาษีนี้พอควรแล้ว แต่ถ้าได้อัตราภาษีที่สูงกว่า 20% มีโอกาสถอยลงไปแถว 1,200 จุด แต่ถ้าได้ที่ 20% ดัชนีฯก็อาจจะย่อลงเล็กน้อย ซึ่งเป้าดัชนี SET ปี 2568 ยังคงให้ไว้ที่ 1,275 จุด ดังนั้นจะให้ดัชนีฯวิ่งทะลุ 1,300 จุด คงจะไม่ง่าย
บล.กรุงศรี ระบุว่า เริ่มเห็นแรงเก็งกำไรหุ้นนิคม หนุนหลักคาดมาจากการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทยน่าจะใกล้มีข้อสรุป อิง รมว.คลังเผย วันนี้จะตอบกลับข้อเสนอของสหรัฐฯ ครั้งสุดท้าย
หากอิงท่าทีคุณทรัมป์ ล่าสุดที่มองระดับภาษีกรณีฐาน (Baseline) ราว 15-20% และคุณทรัมป์ ให้ข้อมูลผ่าน X ว่าจะพิจารณาภาษีที่ดีให้กับไทย หลังหยุดยิงกับกัมพูชา จึงประเมินเริ่มมีโอกาสเห็น Upside มากขึ้นต่อกรณี Base Case ที่วางไทยจะได้ภาษีการค้าระดับ 25% (จาก 36%) และ Effective Tariff Rate จะอยู่ระดับที่ 21% แข่งขันกับชาติคู่แข่งในอาเซียนได้
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
TRUE ปิดที่ 10.40 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ -2.80% มูลค่าซื้อขาย 2,774.46 ล้านบาท
PTT ปิดที่ 33.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 2,390.01 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 126.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ +2.86% มูลค่าซื้อขาย 2,306.77 ล้านบาท
BH ปิดที่ 162.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.50 บาท หรือ +6.93% มูลค่าซื้อขาย 2,248.79 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 21.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ +1.88% มูลค่าซื้อขาย 2,221.79 ล้านบาท
———————————————————————————————————————————————————–

