TMBAM มั่นใจหุ้นใหญ่สดใสที่สุด เชียร์ซื้อ LTF-RMF ตระกูล JUMBO25

มาถึงเวลานี้ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะเข้า “โค้งสุดท้าย” สำหรับนักลงทุนที่ต้องซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะฉะนั้นขอชี้เป้าแบบชัดๆ ไปเลยว่า กองทุนไหนดี

ไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย หรือ TMBAM แบบไม่ต้องถามซ้ำว่า ถ้าคิดจะซื้อ LTF-RMF ปลายปีนี้ ต้องตระกูล “JUMBO25” ดีที่สุด

กองทุน LTF ในตระกูล JUMBO25 มี 2 กองทุน คือ JUMBO 25 ปันผล หุ้นระยะยาว (JB25 LTF) และ JUMBO PLUS ปันผล หุ้นระยะยาว (JBP LTF) โดย JBP LTF ลงทุนหุ้นน้อยกว่า มีความเสี่ยงต่ำกว่าหน่อย ขณะที่กองทุน RMF ในตะกูล JUMBO25 มีกองทุนเดียว คือ JUMBO 25 เพื่อการเลี้ยงชีพ (JB25RMF)

ทำไมต้อง JUMBO25

เพราะกองทุนในตระกูล JUMBO25 มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 25 บริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งแน่นอนว่า หุ้นขนาดใหญ่จะแข็งแกร่งทนทานกว่าหุ้นขนาดเล็ก และหากเชื่อว่า ในปี 2562 เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เงินลงทุนเหล่านี้จะเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เป็นอันดับแรก

“ขนาดปีนี้ที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง หุ้นขนาดใหญ่ยังโดนผลกระทบน้อยกว่าหุ้นขนาดเล็ก และถ้าถึงวันที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาก็ต้องเข้ามาที่หุ้นใหญ่ก่อน” ไพศาล กล่าว

นอกจากนี้ ในปัจจุบันหุ้นขนาดใหญ่อยู่ในภาวะ “หุ้นดีแต่ไม่มีคนเล่น” ทำให้ “ราคาถูก” โดยราคาต่อกำไร (P/E) ต่ำกว่า 10 เท่า

ขณะที่ความได้เปรียบของกองทุนในตระกูล JUMBO25 คือ การลงทุนเลียนแบบดัชนี ในรูปแบบ Passive Fund ซึ่ง ไพศาล บอกว่า ปีนี้และปีหน้าไม่ต้องไปตามหา Active Fund เพราะในสถานการณ์แบบนี้จะหา Active Fund ที่เอาชนะดัชนี หรือ มีผลตอบแทนดีกว่า Passive Fund ไม่ง่าย

“ปีนี้เป็นปีที่แปลก เพราะตลาดมีความผันผวนสูงมาก ซึ่งผู้จัดการกองทุน Active Fund ที่เก่งจะต้องมองออก และปรับพอร์ตให้ทัน นอกจากนี้ หุ้นหลายตัวที่เป็นหุ้นเติบโต แต่ปีนี้กำไรลดลง นักลงทุนเทขายออกมา ทำให้กองทุนปรับตัวไม่ทัน แต่ถ้าเป็นกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ หรือ Passive Fund จะไม่ถูกกระทบมาก”

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ Passive Fund เอาชนะ Active Fund คือ หุ้น IPO ในปีนี้ผลตอบแทนไม่ดี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะตลาดและการกำหนดราคาขายที่ P/E ค่อนข้างสูง ทำให้ Active Fund ที่ลงทุนใน IPO ไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่คาด ขณะที่ Passive Fund จะไม่ซื้อหุ้น IPO

ยังคงต้องกระจายความเสี่ยง

แม้ว่าจะแนะนำให้ลงทุน LTF และ RMF ในตระกูล JUMBO25 แต่สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนหุ้นไทยในสัดส่วนที่มากแล้ว ไพศาล แนะนำให้กระจายความเสี่ยงไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ หรือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์บ้าง

“ถ้าลงทุน LTF ซึ่งเป็นหุ้นไทยแล้ว จะแนะนำให้กระจายความเสี่ยงในการลงทุน RMF โดยหากรับความเสี่ยงได้ แนะนำกองทุน ทหารไทย Global Quality Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBGQGRMF) ซึ่งลงทุนหุ้นทั่วโลก ซึ่งผู้จัดการกองทุนค่อนข้างเก่ง เห็นจากปีนี้ที่แม้จะลงทุนหุ้นสหรัฐฯ 70% แต่ผลดำเนินงานไม่ติดลบ”

หากมีกองทุน LTF แล้วไม่อยากลงทุนหุ้นอีก ไพศาล แนะนำลงทุนกองทุน ทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBPIPRMF) เพราะเป็นการลงทุนทางเลือกที่มีผลดำเนินงานใกล้เคียงกับหุ้นไทย โดยกระจายลงทุนในรีทสิงคโปร์ 70% และไทย 30% ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากค่าเช่าอย่างสม่ำเสมอ ในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ย”

อย่างไรก็ตาม หากต้องการลงทุนที่มีเสี่ยงต่ำมาก ไพศาล แนะนำกองทุน ทหารไทย ธนไพศาล เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBBFRMF) และทีเอ็มบี ธนไพบูลย์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBABRMF) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ และสถานการณ์ในตลาดตราสารหนี้ในปี 2562 ไพศาล เชื่อว่า “ไม่ค่อยน่ากลัวแล้ว”