HoonSmart.com>>ชโย กรุ๊ป เตรียมขอขยายเวลาคืนหุ้นกู้ 5 รุ่น รวม 3,932 ล้านบาท ออกไปอีก 2 ปี พร้อมเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.125% จ่ายทุก 3 เดือน รุ่นครบกำหนดพ.ย.นี้ คืนเงินต้นรอบแรก 10% เร่งขายที่ 260 ไร่ ร่วมคืนเงินต้นเพิ่มอีก ยืนเป้ารายได้โต 20% ลดซื้อหนี้เสียจากหมื่นล้านบาท เหลือ 4,000 ล้านบาท เหตุเศรษฐกิจซบ กำลังซื้อทรุดหนัก
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป (CHAYO) กล่าวว่า ในวันที่ 29 ก.ค.2568 บริษัทขอเชิญประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 เพื่อขอมติ ที่ประชุม ปรับแผนการจ่ายคืนหุ้นกู้ 5 รุ่นมูลค่ารวม 3,932.90 ล้านบาท ออกไปอีก 2 ปี พร้อมเงื่อนไข
1.เพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้ผู้ถือหุ้นอีก 0.125% ต่อปีทุกรุ่น
2.ในวันที่ครบกำหนดเดิมทุกรุ่นจะมีการคืนเงินต้น 10%
3.เร่งขายที่ดินเปล่าที่เกาะยาวใหญ่ 2 แปลง 260 ไร่ ราคาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จะนำเงิน 50% มาคืนเงินต้นให้หุ้นกู้เพิ่มเติม โดยคาดว่าน่าจะขายได้ราวๆ ต้นปีหน้า ซึ่งขณะนี้อยูระหว่างเจรจากับผู้ที่ดินติดกัน และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
การขอขยาย ระยะเวลาชำระคืนหุ้นกู้ออกไป 2 ปี เพราะมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา การขยายเวลาเพื่อรักษาสภาพคล่องและความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง คงความสามารถในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว โดยสถานการณ์ปัจจุบันทำให้การออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิม(Rollover) ทำได้ยาก และ เป็นการลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการผิดนัดชำระ ซึ่งจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลดลงและผู้ถือหุ้นกู้จะเสียผลประโยชน์มากกว่า
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯได้หารือกับนักลงทุนหลายรายซึ่งนักลงทุนเข้าใจและเห็นด้วยกับแผนนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าพื้นฐานของไชโยกรุ๊ปยังแข็งแกร่งและมั่นใจได้ว่าจะได้รับเงินต้นครบถ้วนตามสัญญา อีกทั้งบริษัทไม่เคยผิดนัดชำระหนี้และดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างโปร่งใส
“การขอขยายระยะเวลาหุ้นกู้ดังกล่าวล่วงหน้าก่อนครบกำหนด เป็นการแสดงความจริงใจในการหาทางออก ไม่ได้เกิดจากปัญหาพื้นฐานธุรกิจ แต่เป็นแผนเชิงรุกในการบริหารความเสี่ยงล่วงหน้า”นายสัขสันต์ กล่าว
หุ้นกู้ 5 รุ่นประกอบด้วย
รุ่นที่ครบกำหนดวันที่ 20 พ.ย 2568 มูลค่ารวม 1,593 ล้านบาท ขยายไปเป็นครบกำหนดวันที่ 20 พ.ย 2570 อัตราดอกเบี้ย 6.125% จากเดิม 6%
รุ่นที่จะครบกำหนดวันที่ 29 มีนาคม 2569 มูลค่า 1,000 ล้านบาทขอขยายเป็นครบกำหนด 29 มีนาคม 2571 อัตราดอกเบี้ย 6.175% จากเดิม 6.05%
รุ่นครบกำหนด 6 ต.ค 2569 มูลค่ารวม 622 ล้านบาทขอขยายไปเป็นครบกำหนด 6 ต.ค 2571 อัตราดอกเบี้ย 6.375% จากเดิม 6.25%
รุ่นครบกำหนด 15 มีนาคม 2570 มูลค่า 517 ล้านบาทขอขยายเวลาครบกำหนดไปเป็น 15 มี.ค. 2572 อัตราดอกเบี้ย 6.375% จากเดิม 6.25%
รุ่นครบกำหนด 6 ก.ย. 2570 มูลค่ารวม 200 ล้านบาท ขอขยายเวลาครบกำหนดไปเป็น 6 ก.ย. 2572 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.525% จากเดิม 6.4%
” หุ้นกู้ 5 รุ่นนี้คิดเป็นมูลหนี้ประมาณ 40.43% ของสินทรัพย์รวม 9,726 ล้านบาท ที่บริษัทมีอยู่ โดยรอบแรกที่จะครบกำหนดในวันที่ 20 พ.ย 2568 จำนวน 1,593 และเดือนมีนาคม 2569 อีก 1,000 ล้านบาท มีสัดส่วน รวมการคิดเป็น 26% ของสินทรัพย์รวม ทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน”นายสุขสันต์ กล่าว
นายสุขสันต์ กล่าวว่า สำหรับสินทรัพย์ของบริษัทในปัจจุบัน แยกเป็น หลักทรัพย์ที่มีหลักประกันมูลค่าราว 6 พันล้านบาท จากเงินลงทุนที่ซื้อมา 2,900 ล้านบาท และ หลักทรัพย์ ที่ไม่มีหลักประกันมูลค่าราว 4 พันล้านบาท จากเงินที่ซื้อทรัพยดังกล่าวมา 2,000 ล้านบาท โดยมีพอร์ตหนี้ ที่อยู่ภายใต้การบริหาร 104,920 ล้านบาท
ผลจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา ประชาชน มีกำลังซื้อ ลดลง ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันที่ล้นตลาด ทำให้การขายทรัพย์ออกไปเป็นไปได้ยาก เพราะธนาคาร ก็เข้มงวดเรื่องการปล่อยเงินกู้ และในภาวะเศรษฐกิจปกติ การขายหลักทรัพย์ ที่มีหลักประกัน จะใช้เวลาในการขายประมาณ 2-3 ปี เมื่อเจอภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ต้องใช้เวลานานขึ้น
แม้ภาวะตลาดหุ้นกู้และเศรษฐกิจที่ท้าทาย บริษัทฯ พร้อมบริหารจัดการอย่างรอบคอบ รักษาสภาพคล่องเพื่อให้บริษัทสามารถบริหารและดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีสภาพคล่องเดือนละ 50 ถึง 60 ล้านบาทจากการเก็บหนี้ ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดยมีภาระดอกเบี้ยจ่ายของหุ้นกู้ 5 รุ่น ราว 23 ล้านบาทต่อเดือนเพียงพอในการจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญา
ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2568 เติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,027 ล้านบาท (ในปี 2567 CHAYO มีกำไรสุทธิ 241 ล้านบาท) ตามแผนที่วางไว้ โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน ทำให้สามารถเข้าพยและเจรจากับลูกหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิม 30% และมีการลดวงเงินการผ่อนหนี้ของลูกค้า เพื่อให้สามารถจ่ายหนี้ได้ทุกเดือน ไม่กลายเป็นหนี้เสีย เมื่อผ่อนมาได้ระด้บหนึ่ง เครดิตของลูกค้าจะดีขึ้น สามารถกู้เพิ่มได้ และทางบริษัทฯก็มีรายได้สม่ำเสมอ
“แต่การซื้อหนี้เสียปีนี้ เราคงจะลดจำนวนลงเพราะว่าภาวะเศรษฐกิจแบบนี้การตามเก็บหนี้เป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก โดย 6 เดือนแรกเราซื้อหนี้ไปได้แล้ว 1,800 ล้านบาทและคาดว่าทั้งปี ถ้าซื้อนี้ใหม่ รวมแล้วน่าจะประมาณ 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งใจจะซื้อ 10,000 ล้านบาท” นายสุขสันต์ กล่าว
ทริสฯลดเครดิตเหลือ BB จาก BB+
บริษัททริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ชโย กรุ๊ป มาอยู่ที่ระดับ “BB” จากระดับ “BB+” ในขณะเดียวกัน ยังกำหนดเครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ให้แก่อันดับเครดิตของบริษัทด้วย
การปรับลดอันดับเครดิตในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการที่บริษัทแจ้งขอขยายระยะเวลาครบกำหนดของหุ้นกู้ โดยเป็นการเตรียมแผนล่วงหน้าของบริษัทเพื่อขอขยายระยะของหุ้นกู้ที่ยังไม่ครบกำหนดทั้งหมดของบริษัทจำนวน 5 ชุด (CHAYO25NA, CHAYO263A, CHAYO26OA, CHAYO273A, และ CHAYO279A) ออกไปอีก 2 ปี นับจากวันครบกำหนดเดิม รวมถึงขอแก้ไขยกเว้นภาระผูกพันบางประการตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย
สะท้อนถึงสถานะสภาพคล่องที่ตึงตัวของบริษัท และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางเลือกที่จำกัด ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ประกอบกับนโยบายการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่บริษัทอาจไม่สามารถชำระหนี้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระได้
นอกจากนี้ แนวโน้มเครดิตพินิจ “ลบ” ยังสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นกู้ต่อข้อเสนอของบริษัท หากบริษัทไม่สามารถได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นกู้ หรือไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินทุนทางเลือกเพื่อชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดได้ อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหลายขั้น
———————————————————————————————————————————————————–

