HoonSmart.com>>ว่าที่ผู้ว่าธปท.คนใหม่เจอโรคเลื่อน ” วิทัย รัตนากร” ยังไม่เข้าครม.วันนี้ ตลาดคาดนอนมาชัวร์ โชว์ผลงานแรก ลดดอกเบี้ยนโยบาย กดดันกำไรกลุ่มธนาคาร BBL-KBANK-KTB จ่าฝูงร่วงระนาว ข่าวดีกลุ่มอสังหาฯ-เช่าซื้อ-สินเชื่อบุุคคล-ไฟฟ้า แบกหนี้สูง ต้นทุนการเงินลด บอนด์ยีลด์ลงหนุนพอร์ตประกัน ด้านหุ้นไทยบวกแรงติดต่อกันวันที่สาม พุ่งขึ้นเฉียด 20 จุด จากแรง cover short ตัวใหญ่ เศรษฐกิจจีนโต 5.2% ไตรมาส 2/68 ดีกว่าคาด หนุนหุ้น Chaina Play
วันที่ 15 ก.ค. 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ หลังจากมีกระแสข่าวว่า รมว.คลังพร้อมเสนอชื่อ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการออมสิน เข้าสู่การพิจารณาในวันนี้ ตลาดคาดว่าผู้ว่าธปท.คนใหม่จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังตกท้องช้าง และส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) อายุ 5 ปี และ 10 ปี ลดลง 0.03-0.02% เหลือ 1.38% และ 1.53% ตามลำดับ ระหว่างวัน ก่อนฟื้นมาลดลง 0.01-0.02% ส่งผลบวกต่อพอร์ตของธุรกิจประกัน
ความกังวลเรื่องการลดดอกเบี้ย ส่งผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยและกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทำให้ราคาหุ้นแบงก์ปรับตัวลงกันถ้วนหน้านำโดยธนาคารใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ลงไปต่ำสุด139.50 บาท ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 142.50 บาท ลดลง 2 บาทหรือ -1.38% ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ต่ำสุดแตะ 154 บาท มาปิดที่ 156.50 บาท ติดลบ 2 บาทหรือ -1.26% ธนาคารกรุงไทย (KTB) ปิดที่ 21.30 บาท ลดลง 0.40 บาทหรือ -1.84%
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง มาจากคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/2568 ออกมาไม่ดีนัก จากการระมัดระวังการขยายสินเชื่อ และ NPLs ยังคงเพิ่มขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม กระแสดอกเบี้ยที่จะปรับตัวลง กลับเป็นผลดีต่อธุรกิจที่มีภาระหนี้สูงๆ เช่น กลุ่มไฟฟ้า สินเชื่อเช่าซื้อ-สินเชื่อส่วนบุคคล และอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ราคาหุ้นเหล่านี้ปรับตัวขึ้น แต่คาดว่าจะดีช่วงสั้น ๆ เนื่องจากแนวโน้มผลการดำเนินงานไม่สู้ดีนัก แต่มีภาระทางการเงินสูง
ด้านตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง ดัชนีพุ่งขึ้นเฉียด 20 จุด มากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค ปิดที่ระดับ 1,161.01 จุด บวก 17.70 จุดหรือ +1.55% มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 48,024.99 ล้านบาท ฝีมือของสถาบันไทยซื้อเจ้าเดียวสูงถึง 2,477.74 ล้านบาท ส่วนต่างชาติพลิกกลับมาขาย -592.72 ล้านบาท หลังจากซื้อสุทธิวันละ 1,000 ล้านบาท และ 2,000 ล้านบาทตามลำดับ รอบนี้ นักลงทุนไทยยืนขายอย่างเดียวอีก -1,688.13 ล้านบาท เพราะความไม่แน่นอนเรื่องการเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐจะจบลงในอัตราเท่าไร จากที่โดนหนักถึง 36% และจะต้องเสนอเงื่อนไขอะไรบ้าง
ส่วนเรื่องการเมือง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติมอีก 15 วันในการส่งคำชี้แจงข้อกล่าวหาของกลุ่ม 36 สว.ที่เข้าชื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาให้หรือไม่
นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้รับข่าวดี เรื่องเศรษฐกิจจีนขยายตัวถึง 5.2% ในไตรมาส 2/2568 ดีกว่าที่ตลาดและนักวิเคราะห์คาดการณ์ และหุ้นอิเล็กทรอนิกส์นำโดย DELTA วิ่งรับสหรัฐเปิดทางให้ไทยและมาเลเซียส่งขาย AI เข้าจีนได้แล้ว
