5 โบรกฯชี้ชัด TU กำไร Q2 ฟื้น -H2/68 ดีขึ้น ออเดอร์เพิ่ม ต้นทุนลด

HoonSmart.com>> 5 โบรกเกอร์คาดกำไรของ TU ไตรมาส 2/68 จะอยู่ในช่วง 1.02-1.18 พันล้านบาท ฟื้นตัวเทียบไตรมาสแรก (QoQ) จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบลดลง  ส่วนไตรมาส 3 คำสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมครึ่งหลังปี 68 ดูดีกว่าครึ่งปีแรก   แนะ”ซื้อ” ราคาลงต่ำพื้นฐาน

วันที่ 2 ก.ค. 2568 ราคาหุ้น TU ปิดบวก 2% มาที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 107.05 ล้านบาท

บล.พาย แนะ”ซื้อ”หุ้น TU ราคาหุ้นลงมารับความกังวลอัตราภาษีของสหรัฐฯไปมากแล้ว คาดจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ โดยคาดว่าจะไม่ถึงระดับสูงสุดที่เคยประกาศไว้ที่ 36% ขณะที่ไตรมาส 2/2568 คาดจะมีกำไรสุทธิ 1,142 ล้านบาท ลดลง 6% YoY แรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้น 12% QoQ เป็นผลจากการฟื้นตัวของทุกธุรกิจหลังเข้าสู่ช่วง High Seasons

หากกำไรสุทธิออกมาตามคาดจะทำให้กำไรปกติในช่วงครึ่งแรกปี 2568 อยู่ที่ 1,764 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของกำไรทั้งปีที่คาดไว้ที่ 3,734 ล้านบาท ทำให้อาจปรับประมาณการใหม่ โดยรอความชัดเจนภาษีของสหรัฐฯ นอกจากนี้จะเริ่มเห็นผลดีจากการปรับโครงสร้างบริษัทมากขึ้นในปี 2569 พร้อมให้มูลค่าเหมาะสมไว้ที่ 13.10 บาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะ”เทรดดิ้ง”หุ้น TU คาดกำไรปกติไตรมาส 2/2568 ที่ 1,103 ล้านบาท (+73.8% QoQ, -27.6% YoY) เติบโต QoQ จากปัจจัยฤดกาลแต่ชะลอลง YoY จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน, ค่าใช้จ่าย และอัตราภาษีจ่ายที่สูงขึ้น แนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 เติบโต HoH จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ และคาดค่าใช้จ่ายในการทำ Transformation ทยอยลดลง

พร้อมคาดเงินปันผลจ่ายงวดครึ่งแรกปี 2568 ที่ 0.30 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield 3% ด้านราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในโซนต่ำ คงราคาเหมาะสม 10.80 บาท

บล.เอเชีย พลัส แนะ”ถือ”หุ้น TU คาดไตรมาส 2/2668 กําไรปกติ 1.08 พันล้านบาท ฟื้นตัว 70% จากฐานต่ำงวดก่อน มีแรงหนุนจากยอดขายเพิ่มในทุกธุรกิจ นอกจากนี้การประหยัดต่อขนาดจากปริมาณขายสูงขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบลดลง เป็นบวกต่อมาร์จิ้น และ SG&A/Sales หากเทียบกับไตรมาส 2/2567 คาดกําไรปกติลดลง 29% yoy ถูกกดดันจากเงินบาทแข็งค่า, การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างองค์กร ค่าใช้จ่ายการตลาด และผลกระทบภาษี GMT บดบังปัจจัยบวกจากมาร์จิ้นและส่วนแบ่งกําไรบริษัทร่วมที่ดีขึ้น

ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทคาดครึ่งหลังปี 2568 จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยคําสั่งซื้อไตรมาส 3/2568 จะเพิ่มต่อเนื่อง QoQ และมาร์จิ้นสูงไม่ต่างจากไตรมาส 2/2568 รวมถึงทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่าน้อยลงหรือกลับมาอ่อนตัวจากครึ่งปีแรก

พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท คาดปันผลครึ่งปีแรกระดับ 2-3% สําหรับโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งที่ 4 ครบกําหนด 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยทั้งโครงการซื้อหุ้นคืนรวม 440.039 ล้านบาท (หรือ 8.98% ของหุ้นทั้งหมด) เฉลี่ย 10.77 บาท/หุ้น

บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ”ถือ”หุ้น TU คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 1.18 พันล้านบาท +16% q-q โดยโตทุกธุรกิจ แต่คาด -3% y-y เพราะปีก่อนยังมี transformation cost ผู้บริหารให้วิวคำสั่งซื้อในครึ่งหลังปี 2568 จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอของคำสั่งซื้อ และยังคาดคำสั่งซื้อไตรมาส 3/2568 ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง จากช่วง high season ของธุรกิจ และปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบจาก US tariff คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 11.70 บาท และ div. yield 5-6%

บล.กรุงศรี ให้ราคาเป้าหมายหุ้น TU ที่ 10.90 บาท มีมุมมอง“Neutral”ต่อแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/2568 คาดที่ 1,022 ล้านบาท (-30%y-y, +3%q-q) คาดลดลง y-y จาก SG&A/sale และภาษีจ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น q-q จากปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบลดลง หนุน GPM ส่วน SG&A/sales ลดลงจากอัตราการเติบโตของรายได้สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย สำหรับโมเมนตั้มไตรมาส 3/2568 แม้คาดกำไรปกติลดลง y-y แต่คาดเพิ่มขึ้น q-q ต่อเนื่อง จากปัจจัยฤดูกาล จึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 3,865 ล้านบาท (-22%) มองว่าเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายของ TU จากทั้ง SG&A และภาษีจ่ายเพิ่มขึ้น อีกทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ และเงินบาทแข็งค่า