พักงานนายกฯ ทำบาทอ่อนระยะสั้น ไม่ยุบสภาคาดจีดีพียังโต 2.1-1.5%

HoonSmart.com>>กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ประเมิน”นายกฯ”ถูกสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราว ทำเงินบาทอ่อนค่า 10-15 สตางค์ ย้ำแค่ระยะสั้น คาดจีดีพีโต 2.1-1.5%

น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ระบุว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศสร้างแรงกดดันบางช่วง แต่ผลกระทบต่อค่าเงินมีจำกัด โดยกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ส่งผลให้เงินบาทอ่อนลงเพียง 10–15 สตางค์

“เงินบาทยังมีการเคลื่อนไหวและตอบสนองจากทิศทางของดอลลาร์เป็นหลัก ขณะที่เหตุการณ์การเมืองในประเทศยังสะท้อนความกังวลของนักลงทุนบางส่วน”น.ส. รุ่ง กล่าว

น.ส.รุ่ง คาดว่า เงินบาทจะเผชิญความผันผวนเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2568 โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่อาจแข็งค่าหากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์จะปรับลด 2 ครั้ง ถ้ามากกว่านี้ เงินบาทอาจแตะ 31.30 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ให้กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในไตรมาส 4 อยู่ที่ 31.75–34.00 บาทต่อดอลลาร์  ความเสี่ยงหลักมาจากนโยบายการค้าสหรัฐและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงกดดันดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง

สำหรับเศรษฐกิจไทย คาดการณ์กรณีเลวร้าย คือ เสียภาษีการค้า 36% ส่งออกไม่โต รวมกรณีนายกฯแล้ว แต่ต้องไม่ยุบสภา GDP ปี 2568 จะขยายตัวที่ 1.5% หากถูกเก็บภาษี 10% ส่งออกโต 2% นโยบายการคลังเดินหน้าได้เต็มที่ GDP จะโต 2.1%  ท่ามกลางข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง เช่น หนี้ครัวเรือนสูง สังคมผู้สูงวัย และการแข่งขันจากสินค้าจีน

ทั้งนี้ คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 0.25% จากระดับปัจจุบันที่ 1.75% เพื่อบรรเทาความเสี่ยงด้านลบทางเศรษฐกิจ

ช่วงครึ่งปีแรก 2568 เงินบาทมีการแข็งค่า 4.5% ถือว่า ไม่มากเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย ที่บางประเทศแข็งค่าถึง 13% แต่เงินบาทมีการอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เช่นสกุลเงินยูโร และดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากที่นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีเสถียรภาพ

อย่างไรก็ตาม เงินทุนยังไม่ได้ไหลเข้ามาในพันธบัตรและหุ้นไทย แม้มองว่าเศรษฐกิจยังมีเสถียรภาพ แต่ยังไม่โตเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค ที่เศรษฐกิจโตกว่าไทย