10 โบรกฯ ชี้เป้าใหม่ AOT 24-39 บาท แก้ดิวตี้ฟรีกระทบกำไรสั้น-ยาว

HoonSmart.com>>”ท่าอากาศยานไทย” (AOT) เด้งขึ้น 3.67% ปิดครึ่งวันที่ 28.25 บาท ด้าน 10 นักวิเคราะห์ ให้เป้าใหม่ 24-39 บาท บล.พายตีมูลค่าสูงสุด อิงจ่ายผลตอบแทน 20% ของรายได้ ลดเป้ากำไรปี 69 จากเดิม 23% เหลือ 16,658 ล้านบาท แนะให้รอความชัดเจนก่อนลุย  บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ตีค่า 26 บาท จ่อปรับปรุงรายได้-ตั้งสำรองกระทบกำไรปี 68 เสี่ยงประมูลใหม่ใช้เวลานานกว่า  60 วัน บล.ฟิลลิป คาดกำไรปี 69 หดตัว 29.4% จากเดิมเป็น 13,818 ล้านบาท ราคา  34.75 บาท

วันที่ 17 มิ.ย.2568 ราคาหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) ปรับตัวขึ้นสูงสุด แตะ 28.75 บาท และปิดที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.59% ปริมาณหุ้นซื้อขาย 61.70 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,744.77 ล้านบาท

ล่าสุด 10 โบรกเกอร์หั่นราคาเป้าหมายลงเหลือ 24-39 บาท ด้านบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้มูลค่าต่ำที่สุด 24 บาท ส่วนบล.พายมองเป้าสูงสุด 39 บาท

อย่างไรก็ตาม บล.พาย แนะนำให้รอความชัดเจนก่อนเข้าลงทุนหุ้น AOT อีกครั้ง ส่วนมูลค่าเหมาะสมที่ 39 บาท หลังลดประมาณการกำไรปี 2569 ลงจากเดิม 23% ได้กำไรใหม่ที่ 16,658 ล้านบาท

จากการเข้าประชุมกับผู้บริหาร AOT เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2568ที่ผ่านมา บริษัทคิงเพาเวอร์ ขอเจรจาในสัญญาร้านค้าปลอดภาษีใน 5 สนามบิน ภายใต้ 3 สัญญา คือ สนามบินสุวรรณภูมิ (สัญญาระหว่างปี 2565-2575) สนามบินดอนเมือง (สัญญาเดือนต.ค.2565-ก.ย.2576) และสนามบินภูมิภาค ที่ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ (สัญญาปี 2565-2575) คาดว่าผลการศึกษามีโอกาสปรับเงื่อนไขของการชำระผลตอบแทนใหม่ที่อาจจะยกเลิกในส่วนของ Minimum Guarantee หรือพิจารณายกเลิกสัญญาและเปิดประมูลใหม่ ทั้งนี้ผลการเจรจาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่าที่เสนอผลตอบแทนลำดับที่ 2 ที่ระดับ 8,000 ล้านบาท (คิง เพาเวอร์ เสนอสัญญาที่สุวรรณภูมิกว่า 15,000 ล้านบาท) โดยระหว่างนี้ ยังต้องจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบเดิมต่อไป

” แนวโน้มจะต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบสัญญา เบื้องต้นเราจึงปรับประมาณการโดยอิงกับการจ่ายผลตอบแทนที่ระดับ 20% ของรายได้ใน 3 สัญญา และสัญญาเชิงพาณิชย์”บล.พายระบุ

ด้านบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ปรับลดคําแนะนําเชิงกลยุทธ์ระยะ 3 เดือนสําหรับ AOT ลงสู่ UNDERPERFORM (จาก NEUTRAL) และปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ใหม่เป็น 26 บาท จากเดิมที่ 47 บาท เนื่องจากพบปัจจัย overhang ธุรกิจสัมปทานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นในระยะข้างหน้า

สำหรับปัจจัยบวกที่อาจนําไปสู่การเพิ่มคำแนะนำ AOT คือ ความชัดเจนเกี่ยวกับกรอบข้อตกลงสัมปทาน ซึ่งจะทําให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อผลการดําเนินงานในอนาคตมากขึ้น แต่ประเมินว่าแนวทางแก้ไขปัญหาอาจใช้เวลานานกว่าที่ AOT คาดการณ์ไว้ที่ 60 วัน โดยเฉพาะในกรณีหาก AOT ต้องเริ่มกระบวนการประมูลใหม่

ทั้งนี้ แม้ว่า AOT ไม่ได้ระบุถึงนโยบายบัญชี เช่น การปรับปรุงรายได้หรือการตั้งสํารอง แต่ปรับประมาณการกําไรปกติลดลง 7% สําหรับปี  2568  (ผลกระทบครึ่งปี ) และ 12-16% สําหรับประมาณการปี 2569-2576 เพื่อสะท้อนสถานการณ์ในกรณีฐาน เปลี่ยนมาใช้วิธี PE ประเมินมูลค่าหุ้น AOT แทนวิธี DCF เนื่องจากวิธี PE น่าจะสะท้อนมูลค่าได้ดีกว่า เมื่อพิจารณาจากความไม่แน่นอนของแนวโน้มธุรกิจ

บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) แนะนำซื้อ AOT สัญญาใหม่ที่เป็นไปได้มากสุด น่าจะกลับไปใช้ Revenue Sharing ที่ 20% ก่อนโควิด เพราะยังทำให้รายได้จากสุวรรณภูมิสูงกว่าผลตอบแทนอันดับที่ 2 เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้อง แต่รายได้จะลดลงจากปัจจุบันจ่ายแบบ MG บนสมมุติฐานกำไรปี 2569 จะลดลง 29.4% จากคาดการณ์เดิมเป็น 13,818 ล้านบาท ราคาพื้นฐานปรับเป็น 34.75 บาท