HoonSmart.com>>บล.กรุงศรี ลดน้ำหนักหุ้น AOT จากเหลือเท่ากับตลาด หั่นเป้าราคาเหลือ 31.25 บาท เดิม 64.50 บาท หลังปรับลดประมาณการกำไรปี 68-70 ลงจากเดิม 20-35% เป็น 18,799 ล้านบาท 17,075 ล้านบาท และ 18,318 ล้านบาทคาดคิงพาวเวอร์ รุกรื้อทุกสัญญาดิวตี้ฟรี ลามสุวรรภูมิ-ดอนเมือง และสัญญาบริหารพื้นที่พาณิชย์สุวรรณภูมิ ข้อดี เจรจา 2 เดือนจบ Overhang กำลังจะยุติ
บล.กรุงศรี เปลี่ยนคำแนะนำการลงทุนหุ้น AOT จากซื้อเหลือน้ำหนักเท่ากับตลาด และปรับราคาเป้าหมายสำหรับปีนี้ ลงเป็น 31.25 บาท (เดิม 64.50 บาท) หลังปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2570 ลงจากเดิม -20% -34% และ -35% เป็น 18,799 ล้านบาท 17,075 ล้านบาท และ 18,318 ล้านบาทตามลำดับ
ทั้งนี้ราคาหุ้นยังอยู่ในกรอบ 30-50 บาทที่เคยประเมิน Downside risk จาก ความเสี่ยงกรณี King Power (KP) ขอยกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรี สนามบินภูเก็ต-เชียงใหม่-หาดใหญ่ แต่ราคาหุ้นAOT ลดลง -50%ytd มากกว่า SET index ลดลง -20% ytd มาซื้อขายที่ P/E ปีนี้ที่ 23 เท่า ใกล้เคียง -1.5SD ของค่าเฉลี่ยอดีตสะท้อนปัจจัยลบข้แล้ว นอกจากนี้มองว่าการเจรจาที่กำลังจะเกิดขึ้น (ภายใน 2 เดือน) จะช่วยหยุด
Overhang ของหุ้น AOT จากความไม่แน่นอนของ KP ในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม คาด KP ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะสัญญาดิวตี้ฟรีที่สนามบิน ภูเก็ต-เชียงใหม่-หาดใหญ่ แต่สัญญาอื่นๆ(สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง และบริหารพื้นที่พาณิชย์สุวรรณภูมิ) มีปัญหายอดขายไม่สอดคล้องกับค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำเช่นกัน เห็นได้จากผลประกอบการที่
ยังขาดทุนแม้ว่ายอดขายจะใกล้เคียงช่วง Pre COVID แล้วก็ตาม จึงคาดว่า KP จะมีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาในสัญญาอื่นๆ ที่เหลือด้วย
“เราประเมินความเสี่ยง Downside risk ต่อรายได้ของ AOT ราว 9,700 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน -12% ของรายได้รวม”
ทั้งนี้รายได้ที่จะลดลงประกอบด้วย (1) เราประเมินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำทุกสัญญา KP ในระดับที่เป็นไปได้ทางธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน (ลดลง -45% จากสัญญาปัจจุบัน) และ (2) ผู้ประกอบการรายอื่นๆ (25% ของรายได้ผลประโยชน์ตอบแทน) ที่ได้รับผลกระทบ เข้ามาขอเจรจาด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการปรับสมมติฐานปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินปี 2568 (ต.ค.67-ก.ย.68) ลงให้สอดคล้องกับที่เกิดขึ้นจริงในงวด 6 เดือนปีนี้ เป็นปริมาณผู้โดยสารเติบโต +7%จากปีก่อน (เดิม +18%)และปริมาณเที่ยวบินเป็นเติบโต +10% ลดลงจากเดิมคาด +21% หรือเทียบเท่ายอด นักท่องเที่ยวปีนี้ที่ราว 35-36 ล้านคน ทรงตัวจากปีก่อน
