เชียร์ซื้อ PTTGC ชูกำไรสดใส Allnex โตแรงในจีน

HoonSmart.com>>นักวิเคราะห์ประสานเสียงแนะนำ ซื้อ “พีทีที โกลบอล เคมิคอล” (PTTGC) ราคาถูกและกำไรงาม  มองบวกหลังชมกิจการ Allnex เห็นศักยภาพโตแรงในจีน แข่งขันได้ ไม่กระทบภาษีสหรัฐ ส่วนการแปลงสินทรัพย์เป็นรายได้คาดแล้วเสร็จไตรมาส 3 ได้กำไรราว 8,000 ล้านบาท ไม่ต้องแบกขาดทุน Vencorex ศาลสั่งเลิกกิจการรับรู้กำไร  30-40 ล้านยูโร 

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) พานักวิเคราะห์ไปเยี่ยมชม (Site Visit) ศูนย์การผลิต Allnex ในจีน (ธุรกิจฝั่ง Specialty Chemicals ของ PTTGC) ที่เซียงไฮ้

โดยบล.บัวหลวงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” PTTGC ราคาเป้าหมาย 24 บาท หลังเห็นแนวโน้มการเติบโตระยะยาวที่แข็งแกร่ง โดย Allnex ดำเนินธุรกิจผู้ผลิตสารเคลือบผิว(coatingresins) และสารเติมแต่งสำหรับงานสถาปัตยกรรม และอุตสาหกรรมทั่วไปรวมถึงยานยนต์ ในหลายภูมิภาคทั่วโลก จีนเป็นตลาดอุตสาหกรรมเคลือบผิวที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ประมาณ 45% ของตลาดโลก หรือราว 7 ล้านตัน) ขณะที่กลุ่มเป้าหมายของ Allnex ซึ่งเน้นกลุ่ม High-performance มีขนาดตลาดราว 1.8 ล้านตัน และคาดว่าจะเติบโต 5%เฉลี่ยถึงปี 2571

Allnex China เป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดใน Automotive OEM (12%) และ Industrial metals (11%) พร้อมแผนขยายกำลังการผลิตจาก 5.5 หมื่นตันเป็น 1-1.3 แสนตัน/ปี ภายในปี 2030 แบบ brownfield ที่ใช้งบลงทุนต่ำ ทั้งนี้ Allnex ใช้วัตถุดิบภายในประเทศจีนเป็นหลัก และไม่ได้พึ่งพาตลาดส่งออก จึงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าน้อยมาก

การเติบโตของปริมาณขายในจีนที่คาดว่าจะเพิ่มเฉลี่ย 6% ต่อปี จะหนุน EBITDA โตเฉลี่ย 6% ต่อปีในช่วง 2568-2573 คาดว่า EBITDA ปี 2568 จะโต 5%จากปีก่อน ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 5% โดย Allnex มี EBITDA margin ที่มั่นคงที่ระดับ 11–12% จาก Specialty Chemicals ที่มี margin สูงและผันผวนน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป

ด้านบล.ลิเบอเรเตอร์ มอง PTTGC มี Downside จำกัดแล้ว Valuation ซื้อขายบน P/B 68 เพียง 0.4 เท่า จากการไปเยี่ยมโรงงาน Allnex เห็นศักยภาพในตลาดจีนซึ่งยังมีการเติบโตดีราว 5% ต่อปี และเป็นตลาดใหญ่ในเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ธุรกิจหลักของ PTTGC มีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับหลังการปรับโครงสร้างภายใน รวมถึงแผนการในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ประเด็นมาตรการภาษีสหรัฐและจีนยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ ขณะที่อุปทานปัจจุบันที่ยังสูง ทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อาจยังฟื้นตัวไม่มาก จึงเป็นประเด็นที่ต้องตามต่อไป แต่จากความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างจีน-สหรัฐ ก็ถือเป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรม

กลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มนี้ยังเน้นเกาะไปกับการฟื้นตัวของราคาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะล้อไปกับเศรษฐกิจจีนและการเจรจาการค้า ซึงเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงภูมิภาคหนึ่งในกลุ่ม coating resins โดยมีสัดส่วนมากกว่า 40% ของมูลค่าตลาด โดยเฉพาะจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่สุดในกลุ่ม และมีอัตราเติบโตราว 5% ต่อปี รวมถึงมีการลงทุนในไทย และอินเดียด้วย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน  คาดว่าบริษัทจะมีการเติบโตของปริมาณขายในจีนที่ 6% ต่อปี

สำหรับก้าวต่อไปของ PTTGC ผู้บริหารคาดในปีนี้ผลการดำเนินงานจะกลับมาดีขึ้น เนื่องจากจากสัดส่วนการใช้อีเทนเพิ่มขึ้นหลังปรับราคาขายขึ้นซึ่งปกติใช้ 1.5-1.5 ล้านตัน/ ปี แต่เพิ่มการใช้ได้ถึง 2.5ล้านตัน เป็นจะการซื้อจาก PTT ราว 2 ล้านตัน

นอกจากนี้ได้มีการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนทั้งหมดไปแล้วในส่วน Vencorex ทำให้ PTTGC ไม่ต้องรับรู้ขาดทุน 5,000 ล้านบาทต่อปี รวมถึงล่าสุดศาลมีคำสั่งเข้าสู่กระบวนการเลิกกิจการแล้ว ทำให้จะมีรับรู้กำไรเข้ามาราว 30-40 ล้านยูโรในไตรมาสที่ 2/2568อีกด้วย

ขณะเดียวกันในไทย และสหรัฐ ยังมีสินทรัพย์ดำเนินงานอยู่ระหว่างรอขายอีกทั้งในส่วนของการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดรายได้ (asset monetization ) ในส่วนของ PTT จะมีการทำ Asset monetization และได้กำไรเข้ามาราว 8,000 ล้านบาท ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3/2568  รวมถึงการมาพิจารณาสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่ว่าจะยังดำเนินต่อไปหรือไม่

ขณะที่ในส่วนการหาพันธมิตรใหม่เข้ามาลงทุนในบริษัทลูกอย่าง TOP, PTTGC และ IRPC นั้นอยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ และอาจต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลงจากการเพิ่มทุนเพื่อรองรับพันธมิตรใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตาม PTT จะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันถืออยู่ราว 45%

สำหรับ Allnex เซี่ยงไฮ้ : เป็นผู้ผลิตสารเคลือบผิว(coating resins) และสารเติมแต่งสำหรับงานสถาปัตยกรรม และอุตสาหกรรมทั่วไปรวมถึงยานยนต์ โดยบริษัทนี้เข้าไปลงทุนในจีนตั้งแต่ปี 1997 มีโรงงานผลิต และศูนย์วิจัยพัฒนาสินค้า โดยโรงงานที่ Jiaxing นั้นลงทุนไป 100 ล้านยูโร เริ่มผลิตในปี 2023 โดยในเฟสที่ 1 มี 9 สายการผลิตมีกำลังการผลิต 55,000 ตัน/ ปี และมีแผนเพิ่มเป็น 100,000-130,000 ตันภายในปี 2030

บล.ทิสโก้คงคำแนะนำซื้อ PTTGC ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 22 บาท หลัง Allnex ระบุศูนย์กลางการเติบโตหลัก 3 แห่ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน อินเดีย และอาเซียน โดยศูนย์กลางของอาเซียนตั้งอยู่ที่จ.ระยอง ประเทศไทย จีนยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด Allnex มีโรงงานผลิต 6 แห่งด้วยกำลังการผลิตรวม 1.5 แสนตันต่อปี แม้ว่าตลาดสีเคลือบอุตสาหกรรมในจีนคาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ช้ากว่าเล็กน้อย (CAGR 5% ระหว่าง 2567-2571) เมื่อเทียบกับอินเดีย (8%) และอาเซียน (6%) จีนยังคงถูกมองว่าเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดเนื่องจากขนาดระดับโลกและมุมมองเชิงบวก Allnex ตั้งใจจะขยายการดำเนินงานในจีนต่อไป โดยเฉพาะในพื้นที่เจียซิง ซึ่งจะกลายเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในระดับโลกของบริษัท

อย่างไรก็ตามความกังวลหลักอยู่ที่ความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของ Allnex โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งท้องถิ่นที่มีความคล่องตัวและประสิทธิภาพด้านต้นทุนมากขึ้น  เชื่อว่าบริษัทเหล่านี้ อาจได้รับความได้เปรียบด้านต้นทุนต่อไปและก้าวหน้าในด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์  แต่ผู้บริหารของ Allnex ยังคงมั่นใจในคความสามารถในการแข่งขันด้านความแตกต่างผลิตภัณฑ์สูง ความน่าเชื่อถือที่สม่ำเสมอ และการส่งคุณค่าโดยเน้นลูกค้า นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบของบริษัทในการรักษาโครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันได้ผ่านการประหยัดจากขนาด นอกจากนี้ อุตสหกรรมสีเคลือบอุตสาหกรรมมีต้นทุนการเปลี่ยนแปลงสูง ทำให้ยากและมีความเสี่ยง สำหรับลูกค้าในการเปลี่ยนผู้จัดหาอย่างรวดเร็ว  ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติสำหรับผู้เล่นที่มีชื่อเสียง

ด้านราคาหุ้น PTTGC  ปิดที่ 20.70 บาท บวก 0.10 บาท สำหรับการซื้อขายครึ่งวันที่ 13 มิ.ย.2568

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–