ก.ล.ต.จ่อลดเกณฑ์ซื้อ/ขายทรัพย์สิน จาก 50% เหลือ 25% ต้องขอมติผู้ถือหุ้น

HoonSmart.com>>ก.ล.ต.เตรียมลดสัดส่วนรายการซื้อ/ขายทรัพย์สิน จาก 50% เหลือ 25% ต้องขอมติผู้ถือหุ้น เทียบชั้นตลาดสากล คาดเฮียริ่ง Q3 สิ้นปีนี้สรุป เพิ่มบทบาทนักลงทุนดึงดูดบจ.น้ำดี-เงินลงทุนต่างชาติ

นายไพบูลย์ ดำรงวารี ผู้ช่วยเลขาธิการ สายระดมทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.เตรียมหลักเกณฑ์การทำรายการที่มีนัยยะสำคัญ (Material Transaction :MT) กรณีการได้มา/จำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)  ถ้าถึง 25% ของทรัพย์สินรวมของบริษัทต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 50% เวลาสะสม 6 เดือน และต้องจัดให้มีปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA)


” การปรับให้เหลือ 25% โดยไม่มีเงื่อนเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เพื่อไม่ให้เป็นภาระของบจ.มากเกินไป รายการได้มา/จำหน่ายทรัพย์สินในสัดส่วน 25% นี้ไม่ต้องมี IFA เพื่อเพิ่มบทบาทให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ”นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวว่า  สำนักงานก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นในไตรมาส 3 ของปีนี้ และออกเป็นเกณฑ์ใหม่ได้ภายในสิ้นปีนี้ แต่จะบังคับใช้เมื่อไหร่ จะพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งปกติเกณฑ์ลักษณะนี้มีเวลาให้ บจ.เตรียมตัวอย่างน้อย 6 เดือน

ทั้งนี้ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเทียบเคียงหลักการสากล ซึ่งมาเลเซีย และสิงคโปร์ ใช้แล้ว โดยการปรับเกณฑ์ MT ไม่ได้ส่งผลต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทจดทะเบียนโดยตรง แต่จะทำให้มีความระมัดระวังในการเข้าลงทุน ให้นักลงทุนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในบริษัทมากขึ้น

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตามความเห็นส่วนตัว การพัฒนาตลาดทุนให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องอาศัยนักลงทุนที่มีความเข้มแข็ง และมีส่วนร่วมตัดสินใจในประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะสิทธิของผู้ถือหุ้น หากนักลงทุนเข้มแข็ง  สามารถช่วยดึงดูดบริษัทที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดหุ้น

ปัจจุบัน ตลาดทุนไทย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตลาดทุนโลก ซึ่งแต่ละตลาดได้เปิดกว้างและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือนักลงทุนต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วน มีเครื่องมือที่เหมาะสม และต้องมีบริษัทจดทะเบียนดีๆ ที่สามารถสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้ จะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาเพิ่มมากขึ้น

“การให้จัดทำ one report ด้านความยั่งยืน ก็เพราะนักลงทุนทั่วโลกกำลังมองหาบริษัทฯที่ทำธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เราต้องทำ เกณฑ์ต่างๆที่ออกมาเข้าใจว่ามีความอ่อนไหวต่อบจ.ทั้งกว่า 800 บริษัท แต่เพื่อให้ทันโลก ให้ตลาดทุนไทยเซ็กซี่”นายไปพบูลย์ กล่าวย้ำว่านี่คือความเห็นส่วนตัว