คปภ. เปิดผลสอบคดี 120 ล้าน เตือนระวังทำประกันแทนผู้อื่น

HoonSmart.com>>คปภ. เปิดผลการตรวจสอบ “คดีบุคคลสวมชื่อทำกรมธรรม์ประกันภัย ก่อนจัดฉากฆ่า หวังเอาเงินประกันภัย มูลค่ารวมกว่า 120 ล้านบาท”พบทำประกันชีวิต-อุบัติเหตุรวม 58 บริษัท ทุนประกัน  176 ล้านบาท  เดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เตือนประชาชนให้ระวังการทำประกันภัยแทนผู้อื่นโดยไม่มีสิทธิ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยผลการตรวจสอบ “คดีบุคคลสวมชื่อทำกรมธรรม์ประกันภัย ก่อนจัดฉากฆ่า หวังเอาเงินประกันภัย มูลค่ารวมกว่า 120 ล้านบาท”หลังได้รับเรื่องร้องเรียนและมีการนำเสนอในรายการโทรทัศน์

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. ได้มอบหมายให้ นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการด้านกฎหมายและตรวจสอบ เป็นประธานประชุมร่วมกับบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง และให้ตัวแทนบริษัทประกันภัยที่เสนอขายกรมธรรม์เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่

สรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้น 

จากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่ปี 2563 – 2565 มีการทำประกันภัยในชื่อของนายธนาญวัฒน์ รวม 36 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าทุนประกันภัยกว่า 119 ล้านบาท โดยมี 19 ฉบับ ระบุให้ นางสาววัชรี เป็นผู้รับประโยชน์ อ้างสถานะว่าเป็นภรรยา

นางสาวพัชรวรินทร์ (ภรรยาของนายธนาญวัฒน์ฯ) มีชื่อในกรมธรรม์อีก 22 ฉบับ รวมมูลค่ากว่า 56 ล้านบาท โดยมีผู้รับประโยชน์เป็นญาติฝั่งนางสาววัชรี เช่น มารดาและป้า

รวมทั้งหมด 58 กรมธรรม์ คิดเป็นทุนประกันภัยรวมกว่า 176 ล้านบาท

เหตุเกิดปี 2565 

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2565 ที่นายธนาญวัฒน์ฯ ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ถูกรถกระบะชนจนได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าตัวสงสัยว่าผู้ขับรถกระบะคือ “นายบอย” ซึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจในจังหวัดนครราชสีมา

ต่อมา ภรรยาของนายธนาญวัฒน์ฯ คือ นางสาวพัชรวรินทร์ ได้ตรวจพบการทำประกันภัยในชื่อตนเองและสามี รวมมูลค่าความคุ้มครองมากผิดปกติ โดยมีผู้รับผลประโยชน์คือ นางสาววัชรี ญาติของเธอ นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานหลายอย่างที่กระตุ้นความสงสัย เช่น ใบตรวจสุขภาพของนายธนาญวัฒน์ฯ ที่มีวันที่ขณะเขายังอยู่ในเรือนจำ ข้อความแชตในแอปไลน์ ระหว่างนางสาววัชรีและสามี ที่มีเนื้อหาสื่อถึงการ “สั่งฆ่า” นายธนาญวัฒน์ฯ

สิ่งเหล่านี้ทำให้ทั้งนายธนาญวัฒน์ฯ และภรรยาเชื่อว่าอาจมีการวางแผนทำประกันโดยใช้ชื่อพวกเขา ก่อนวางแผนฆาตกรรมเพื่อเรียกเงินจากบริษัทประกัน

เมื่อตรวจสอบในเชิงลึกลงไปอีก พบว่าการเสนอขายกรมธรรม์ส่วนใหญ่ทำผ่านช่องทางพบหน้า (face-to-face) และออนไลน์ (Facebook) โดยมีการยืนยันตัวตน (KYC) ครบถ้วน ตัวแทนประกันระบุว่า นายธนาญวัฒน์ฯ และนางสาวพัชรวรินทร์ฯ เป็นผู้เซ็นเอกสารและโอนเงินค่าเบี้ยด้วยตนเองจากบัญชีของตน จึงถือว่าเป็นการแสดงเจตนาโดยสมัครใจของผู้เอาประกันภัย

อย่างไรก็ตาม บางกรมธรรม์ถูกยื่นขอประกันเพียง 2–3 วันก่อนที่นายธนาญวัฒน์ฯ จะเข้าเรือนจำ ทำให้มีการพิจารณาและส่งเอกสารระหว่างที่เขาอยู่ในเรือนจำ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าได้ทำประกันในช่วงเวลาที่ไม่สามารถดำเนินการได้จริง

รู้ไว้ทำประกันอย่างไรไม่ผิดกม. 

คปภ. ชี้แจงว่า ตามกฎหมายประกันภัย สัญญาประกันภัย เป็น สัญญาต่างตอบแทน ผู้รับประกันภัยตกลงชดใช้ค่าสินไหม และผู้เอาประกันภัยต้องชำระเบี้ยประกันภัยเอง

ผู้เอาประกันภัยต้องแสดงเจตนาในการทำสัญญาด้วยตนเอง,ต้องมี “ส่วนได้เสีย” ในเหตุที่เอาประกันภัย (insurable interest)  หากพบว่าไม่มีส่วนได้เสีย หรือมีบุคคลอื่นออกค่าเบี้ยโดยไม่มีความเกี่ยวข้อง เช่น นายทุนที่หวังผลตอบแทน สัญญาจะไม่มีผลทางกฎหมาย

ผู้เอาประกันภัยต้องแสดงเจตนาเอง เช่น กรอกข้อมูลและลงลายมือชื่อในใบคำขอ ในกรณีข้างต้น หากพิสูจน์ได้ว่าเจตนาในการทำประกันเกิดขึ้นโดยมิชอบ หรือมีเป้าหมายเพื่อเรียกรับผลประโยชน์โดยอาศัยข้อมูลอันเป็นเท็จ บริษัทประกันสามารถระงับการจ่ายเงิน และเก็บเงินไว้จนกว่าคดีจะมีความชัดเจนทางกฎหมาย

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเจตนาในการทำสัญญา บริษัทประกันสามารถระงับการจ่ายสินไหมทดแทนจนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของสัญญา

ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดย คปภ. เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแสดงเจตนาโดยสุจริต และเตือนประชาชนให้ระวังการทำประกันภัยแทนผู้อื่นโดยไม่มีสิทธิ