HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดบวกแค่ 1.28 จุด หลายปัจจัยลบในประเทศกดดันดัชนีฯให้ขึ้นไปไม่ค่อยไหว วอลุ่มเทรดไม่มาก ปัจจัยการเมืองคลุมเครือถ่วงตลาดในสัปดาห์หน้าด้วย ทำให้การเทรดยังเหนื่อยอยู่ แต่ก็จะพยายามขึ้นทดสอบ 1,200 ส่วนด้านล่างให้ไว้ 1,180 จุด นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,148.55 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,127.31 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 16 พ.ค.68 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,195.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด หรือ +0.11% มูลค่าซื้อขาย 36,714.07 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,204.33 จุด ต่ำสุด 1,190.21 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,148.55 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 79.56 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,127.31 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 58.33 ล้านบาท
นายเกษม พันธ์รัตนมาลา ผู้บริหารสูงสุด สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าคงจะยังเหนื่อยอยู่ โดยจะพยายามขึ้นทดสอบ 1,200 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,180 จุด เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังคลุมเครือ ทำให้ตลาดไม่น่าสนใจ อีกทั้งการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร
ด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/68 ออกมาแล้วไม่ได้ผิดไปจากที่คาด แต่ตอนนี้คนหันไปมองไตรมาส 2-3-4 น่าจะได้เห็นนักวิเคราะห์ฯทยอยปรับลดประมาณการลง พร้อมให้ติดตาม GDP ไตรมาส 1/68 ของสภาพัฒน์ที่จะออกมาในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ซึ่งจับตาดูสภาพัฒน์จะปรับลดประมาณ GDP หรือไม่ อย่างไร
สำหรับตลาดในวันนี้ทำท่าจะปรับขึ้นแต่ก็ไปไม่ไหว วอลุ่มเทรดไม่มาก จากการเมืองคลุมเครือ และยังมีปัจจัยเฉพาะตัวของหุ้นด้วย อย่างหุ้น RS ที่ผิดนัด และเดิมคาดหวังกองทุน TESGX จะช่วยดันตลาด แต่ดูเหมือนจะยากอยู่ เพราะคนไม่ค่อยซื้อ และตอนนี้กอง LTF ที่จะโยกมา TESGX ก็อาจจะมีแค่ 40% เท่านั้น จากเดิมคาดว่าจะมี 75% ดังนั้นเมื่อตลาดรีบาวด์ขึ้นมาก็มีแรงขายทำกำไรออกมาด้วย
“ตลาดหุ้นไทยดูจะอ่อนแอกว่าตลาดต่างประเทศ เพราะตลาดไทยมีปัจจัยลบมากกว่าต่างประเทศ และไม่รู้ไทยจะเจรจาการค้ากับสหรัฐฯได้เมื่อไร”
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
ADVANC ปิดที่ 289.00 บาท ลดลง 7.00 บาท หรือ -2.36% มูลค่าซื้อขาย 3,489.18 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 163.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +0.93% มูลค่าซื้อขาย 1,928.65 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 51.00 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.45% มูลค่าซื้อขาย 1,795.47 ล้านบาท
DELTA ปิดที่ 114.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ +2.69% มูลค่าซื้อขาย 1,691.02 ล้านบาท
KTB ปิดที่ 21.80 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ -1.80% มูลค่าซื้อขาย 1,637.49 ล้านบาท