MINT โชว์กำไรจากดำเนินงาน Q1/68 ครั้งแรกตั้งแต่ซื้อกิจการ MHEA

HoonSmart.com>> “ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” (MINT) เผยไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิ 417 ล้านบาท พร้อมโชว์กำไรจากการดำเนินงาน 50 ล้านบาท เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการ MHEA ฟื้นตัวแข็งแกร่ง-โมเดลธุรกิจหลากหลาย วินัยทางการเงินขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน ทริสปรับเพิ่มอันดับเครดิต ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงิน

ดิลิป ราชากาเรีย

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 กำไรสุทธิ 416.86 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,146.08 ล้านบาท

บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อย 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 36,738 ล้านบาท สำเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบเงินยูโร อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับผลกระทบจากการแปลงค่าเงินแล้ว รายได้จากการดำเนินงานจะเติบโต 3% ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก การเติบโตของรายได้จากกลุ่มธุรกิจที่ไมเนอร์โฮเทลส์วางกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มไมเนอร์ฟู้ด

ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมทรงตัวอยู่ที่ 8,382 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจะเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ยุโรป และมัลดีฟส์ รวมถึงผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกลุ่มร้านอาหารในประเทศไทย ซึ่งช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจโดยรวม

จุดเด่นด้านกลยุทธ์และการเงิน ไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 50 ล้านบาท พลิกฟื้นจากการขาดทุน 352 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 นับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์ อเมริกา (MHEA หรือเดิมคือ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป) เมื่อปี 2561 ตอกย้ำความแข็งแกร่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และแพลตฟอร์มการให้บริการระดับโลกของบริษัท แม้ต้องเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจมหภาค อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย และความท้าทายต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค ผลการดำเนินงานของ MINT ยังคงสะท้อนถึงการฟื้นตัวในวงกว้างของทั้งสองธุรกิจ ได้แก่ โรงแรมและร้านอาหาร ควบคู่กับการบริหารจัดการทางการเงินที่เข้มงวดและการกระจายความเสี่ยงในระดับโลก

ยอดขายโดยรวมทุกสาขาของ MINT อยู่ที่ 59 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับรายได้ สะท้อนถึงประสิทธิภาพของโมเดลธุรกิจแบบที่ลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Asset-Light) ของเราและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรด้านการลงทุนและการพัฒนาที่มีชื่อเสียง

ด้านทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ MINT สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นและการปรับปรุงผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการลดภาระหนี้และเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรและคุณภาพของรายได้ดีขึ้น

นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MINT กล่าวว่า เป็นครั้งแรกของเราที่สามารสร้างกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 นับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ MHEA สะท้อนถึงความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้างของแพลตฟอร์มธุรกิจที่หลากหลายของเรา และการดำเนินกลยุทธ์ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง การได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตโดยทริสเรตติ้งเป็นการยืนยันถึงความยืดหยุ่นทางการเงินของเรา และการมุ่งเน้นในการบริหารงบดุลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณค่าของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เครือข่ายที่ครอบคลุมหลากหลายภูมิภาค และการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย เราจึงอยู่ในจุดที่เหมาะสมในการสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นตลอดปี 2568 และในอนาคต

สำหรับธุรกิจโรงแรม ผลกระทบจากฤดูกาลอ่อนแรงลดลง แรงขับเคลื่อนพื้นฐานยังแข็งแกร่ง ไมเนอร์ โฮเทลส์ แสดงผลประกอบการที่ยืดหยุ่นแม้จะเผชิญกับฤดูกาลท่องเที่ยวที่ชะลอตัวในยุโรปช่วงไตรมาส 1 และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย, รายได้จากการดำเนินงานและ EBITDA (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) เติบโตร้อยละ 4 และร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน , โรงแรมในยุโรปมีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในสเปน อิตาลี และกลุ่มประเทศเบเนลักซ์

นอกจากนี้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ การเดินทางทางอากาศที่เพิ่มขึ้น และการได้รับความสนใจในระดับโลกจากซีรีส์ “The White Lotus Season 3” ของ HBO ซึ่งเลือกถ่ายทำที่รีสอร์ต ของ MINT ถึง 4 แห่ง รวมถึงกลยุทธ์การตั้งราคาที่เหมาะสม การเติบโตของยอดจองโดยตรง และความแข็งแกร่งของแบรนด์ช่วยลดผลขาดทุนในไตรมาส 1 และสร้างผลงานการดำเนินงานก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง

ธุรกิจร้านอาหาร คุณค่าของแบรนด์และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพส่งมอบการเติบโตที่แข็งแกร่ง ไมเนอร์ ฟู้ด ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกตลาดหลัก โดยมีรายได้จากการดำเนินงานและ EBITDA (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ, การเติบโตขับเคลื่อนโดยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของแบรนด์หลัก อาทิ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, บอนชอน, ซิซซ์เล่อร์ และเบอร์เกอร์ คิงและแคมเปญเชิงกลยุทธ์ เมนูพิเศษที่มีระยะเวลาขายจำกัด และการมุ่งเป้าขยายบริการจัดส่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น

“การขยายธุรกิจทั่วโลก พร้อมการเติบโตอย่างสมดุล ด้วยการดำเนินงานใน 66 ประเทศ โรงแรมกว่า 560 แห่ง และร้านอาหารกว่า 2,700 แห่งของ MINT ช่วยให้บริษัทสามารถลดความเสี่ยงในแต่ละภูมิภาคและใช้ประโยชน์จากโอกาสข้ามตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พอร์ตโฟลิโอที่สมดุลยังคงผลักดันศักยภาพในการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเสริมสร้างความชัดเจนในการสร้างรายได้ในระยะยาว”นายดิลิป กล่าว

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–