HoonSmart.com >> บล.CGSI ตลาดหุ้นวันนี้ (7 พ.ค.) Sideway 1,180-1,200 จุด เชื่อยืนเหนือ 1,185 จุดได้ แรงหนุน flow TESGX , ผลประกอบการ ADVANC ที่ออกมาดี และ เงินบาทแข็งค่า เป็นลบต่อกลุ่มเคมีภัณฑ์และโรงกลั่น (ยกเว้น TOP ที่มีหนี้เงิน US สูง) เกาะติด เฟด ตลาดให้น้ำหนัก 95% ที่ Fed คงดอกเบี้ย 4.50% ในการประชุมวันนี้ (6-7 พ.ค.)

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI สรุปภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ และทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ โดย : Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนก่อนร่วงลงมาปิดลบ โดย ดัชนี DJIA -1%, S&P500 -0.8% และ Nasdaq -0.9% เผชิญแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ (Goldman Sachs -1.8%, Tesla -1.8%) หลังปธน. ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศอีกครั้ง โดยระบุว่า สหรัฐไม่จำเป็นต้องลงนามในข้อตกลง ซึ่งขัดแย้งกับคำสัมภาษณ์ของนายเบสเซนท์ รมว. คลัง และ คำพูดของทรัมป์ก่อนหน้านี้ สร้างความกังวลให้กับความหวังต่อความคืบหน้าในเรื่องภาษีศุลกากร
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอผลการตัดสินใจ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed หลังดัชนี PMI ภาคบริการจาก ISM เดือนเม.ย. จะออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด แต่ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายภาษียังคงมีอยู่ ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำ +3%
ราคาน้ำมันดิบ WTI +3.4% จากแรงซื้อกลับหลังร่วงแตะทำนิวโลว์ในรอบ 4 ปี รวมถึงแรงหนุนจาก
1) แนวโน้มอุปสงค์ในจีนฟื้นตัว
2) บริษัทพลังงานหลายแห่งในสหรัฐลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน
และ
3) Geopolitics ในตะวันออกกลางหลังอิสราเอล เดินหน้าโจมตีทางอากาศ
• SET Index :
เราคาดว่า SET Index จะแกว่ง Sideway ที่บริเวณ 1,180-1,200 จุด แต่เชื่อว่าจะยังสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,185 จุดได้จากแรงซื้อกลับหลังร่วงกว่า 10 จุด เมื่อวานนี้ และ แรงสนับสนุนจาก flow TESGX, ข่าวความคืบหน้าเจรจาการค้าของ ประเทศ อื่น ๆ ที่โน้มเอียงไปทางบวกมากกว่าทางลบ รวมถึง ผลประกอบการ ADVANC ที่ออกมาดี และ เงินบาทที่แข็งค่า แต่อาจจะเป็นลบต่อกลุ่มเคมีภัณฑ์และโรงกลั่น (ยกเว้น TOP ที่มีหนี้สกุลเงินดอลลาร์ค่อนข้างสูง)
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ แม้ตลาดจะให้น้ำหนัก 95% (CME FedWatch) ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.50% ในการประชุมวันนี้ (6-7 พ.ค.) ซึ่งไม่น่าจะกดดันตลาดหุ้นไทยมากนัก แต่ยังต้องติดตามถ้อยแถลงและความคิดเห็นของ FOMC รวมถึงนายพาวว์เวล ประธาน Fed เพื่อประเมินมุมมองต่อเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ระยะถัดไป ท่ามกลางแรงกดดันจากทรัมป์และเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัว
สำหรับประเทศไทย รายงาน เงินเฟ้อเดือนเม.ย. ที่พลิกติดลบในรอบ 13 เดือน (-0.22% yoy) จากราคาพลังงาน ส่งผลให้เราปรับคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2025 ลงมาที่ 0% สะท้อนถึง
1) การแข่งขันสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน,
2) มาตรการลดค่าไฟ ที่ล่าสุด กพช. มีมติคงค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. 25 ไม่เกิน 3.99 บาท/หน่วย (vs. พ.ค.-ส.ค. 3.98 บาท/หน่วย, ม.ค.-เม.ย. 4.15 บาท/หน่วย)
และ
3) แนวโน้มขาลงราคาพลังงาน โดยเฉพาะการที่ OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน
เราจึงมองว่าการที่ไทยเผชิญกับภาวะเงินฝืด ส่งผลให้กนง. มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง เป็น 1.00% ภายในช่วง 2H25-2026 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
หลังปัจจัยหลักที่เคยขับเคลื่อนอย่างภาคการท่องเที่ยว ถูกกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (จีน -30% yoy ใน 4M25) และเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นอย่างกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (CRC)
ขณะที่มาตรการกระตุ้นอย่างโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งปีนี้ ที่ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะวันธรรมดา รวมถึงปรับลดเหลือไม่ถึง 1 ล้านสิทธิ และประชาชนที่เข้าร่วมจะถูกจำกัดสิทธิ เพื่อเฉลี่ยงบไปใช้กระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้เรามองว่า โรงแรมที่ไม่ได้รับประโยชน์มากนักจากโครงการปีก่อนหน้าอยู่แล้ว จะไม่ช่วยเพิ่มรายได้ของโรงแรมมากขึ้นไปอีก เราแนะนำ ERW, SHR ที่มี Valuation ถูกกว่า MINT
สำหรับผลประกอบการบจ. ไทย 1Q25 : ADVANC รายงานกำไรสุทธิใน 1Q25 ที่ 10.6 พันล้านบาท (+25.2% yoy, +14.3% qoq) สูงกว่าที่เราและตลาดคาด จากยอดขายมือถือที่แข็งแกร่งและ SG&A ที่ต่ำกว่าคาด สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่เน้นคุณภาพและบริการเสริมที่เพิ่มมูลค่า โดย AIS มีกำหนดจัดการประชุมนักวิเคราะห์วันนี้ 8.30 น.
สำหรับคาดการณ์หุ้นที่จะเข้า SET50/SET100 รอบ 2H25 (ณ 30 เม.ย. 25) : เราคาดว่าหุ้นที่จะเข้า SET50 ได้แก่ TCAP BCP KKP ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะออก ได้แก่ BANPU, BGRIM, GLOBAL สำหรับ SET100 หุ้นที่คาดว่าจะเข้า ได้แก่ MBK, TFG, TOA, AURA, WHAUP ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะออก ได้แก่ CKP, COCOCO, ROJNA, SAPPE, SNNP
• หุ้นแนะนำ
BJC : เราเชื่อว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะช่วยให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น สำหรับ BJC เราเห็นสัญญาณที่ BigC จะฟื้นตัวเชิงโครงสร้างหลังการใช้กลยุทธ์กระตุ้นยอดขายด้วยการปรับปรุงรูปแบบสาขาและขยายสัดส่วนสินค้าประเภทอาหารเชิงรุก
(Take profit : 24.1 / Stop loss : 23.1)
ADVANC : AIS รายงานกำไรสุทธิใน 1Q25 ที่ 10.6 พันล้านบาท (+25.2% yoy, +14.3% qoq) สูงกว่าที่เราและตลาดคาด จากยอดขายมือถือที่แข็งแกร่งและ SG&A ที่ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ ADVANC ยังเป็นหุ้น Defensive ท่ามกลางความไม่แน่นอนนโยบายการค้าสหรัฐ
(Take profit : 303 / Stop loss : 292)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
