HoonSmart.com>>คปภ.-จว.ปราจีนบุรี-ประกันภัย-ทีดีอาร์ไอ”จัดงาน ‘ปราจีน ยืนหนึ่ง ถนนปลอดภัย อุ่นใจด้วยการประกันภัย’ เน้นพื้นที่ต้นแบบความปลอดภัยทางถนน รณรงค์ พ.ร.บ. ปี 2568 พร้อมจัดเวทีเสวนาถอดรหัสเส้นทางเสี่ยง ถนนสาย 304 เสนอใช้กฎหมายลดความเสี่ยง หวังต่อยอดโมเดลต้นแบบทั่วประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จังหวัดปราจีนบุรี ภาคธุรกิจประกันภัย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดงาน “ปราจีน ยืนหนึ่ง ถนนปลอดภัย อุ่นใจด้วยการประกันภัย” ภายใต้โครงการสร้างพื้นที่ต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนและการรณรงค์ประกันภัยรถภาคบังคับ ปี 2568
พร้อมเปิดตัวคณะทำงานเพื่อดำเนินโครงการสร้างพื้นที่ต้นแบบ ด้านความปลอดภัยทางถนน และการรณรงค์ประกันภัยรถภาคบังคับในพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียงให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังเปิดเวทีเสวนา ถอดรหัสถนน 304 ระดมความคิดเห็นเพื่อนำเสนอแนวทางและมาตรการลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ หวังยกระดับความปลอดภัยให้ ผู้ใช้รถใช้ถนน พร้อมตั้งเป้าต่อยอดโมเดลต้นแบบนี้สู่การประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. กล่าวในหัวข้อ “คปภ. กับบทบาทเชิงรุก : ส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนควบคู่การประกันภัย” ว่า โครงการสร้างพื้นที่ต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนและการรณรงค์ประกันภัยรถภาคบังคับ ปี 2568 เป็นมิติใหม่ในการดำเนินโครงการของสำนักงาน คปภ. เนื่องจากอัตราการเกิดอุบัติเหตุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในทุก ๆ ปี โดยค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ที่น่ากังวล โดยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนเฉลี่ยสูงถึง 14,000 รายต่อปี ซึ่งนอกจากจะสร้างความสูญเสียในระดับครอบครัวแล้ว ยังส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
กลุ่มผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บส่วนใหญ่คือวัยแรงงานอายุ 36-60 ปี ซึ่งเป็นกำลังหลักของครอบครัว และมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การสูญเสียจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่สถิติ แต่มันคือการสูญเสียโอกาสในการพัฒนาในระยะยาว พร้อมเน้นย้ำว่าการมีประกันภัยรถภาคบังคับช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อต้องเผชิญอุบัติเหตุ โดยกฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 504,000 บาทต่อราย
อย่างไรก็ตาม จากสถิติพบว่ามีเพียง 79.97% ของรถ จดทะเบียนเท่านั้นที่จัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ โดยเฉพาะในกลุ่มรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีอัตราการทำประกันภัยเพียง 68.51% เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้น ผลกระทบไม่ได้จบที่ผู้ประสบเหตุ แต่ยังลุกลามไปถึงครอบครัวที่ต้องรับภาระหนี้สิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การมีระบบประกันภัยที่ครอบคลุมจึงเป็นแนวทางที่สำคัญในการเยียวยา ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงความคุ้มครองอย่างรวดเร็ว เป็นธรรม และลดผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ยืนยันที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุกต่อเนื่อง ทั้งด้านการสร้างความรู้ความเข้าใจ ส่งเสริมวินัยจราจร และเพิ่มการเข้าถึงระบบประกันภัยให้ครอบคลุม ทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในสังคมไทย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ ฯ นี้มีเป้าหมายสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. ศึกษาวิจัยเชิงลึก ปัจจัยเสี่ยง ในพื้นที่จริง โดยจังหวัดปราจีนบุรีได้รับเลือกเป็นพื้นที่ต้นแบบ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคตะวันออก และเป็น จุดเชื่อมโยงเส้นทางสายหลักหลายสาย ซึ่งข้อมูลที่ได้จะนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาแนวทางลดอุบัติเหตุที่สอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่ 2. สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนและสิทธิประโยชน์จากการประกันภัยรถภาคบังคับ เพื่อให้เข้าถึงหลักประกันความคุ้มครองได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน และ 3. บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อผลักดันมาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมนำข้อมูลวิจัยมาพัฒนา แนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพต่อไป โดยโครงการนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างมาตรการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่เป็นระบบและยั่งยืน พร้อมเน้นว่า การพัฒนามาตรการความปลอดภัยควรเดินควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ประชาชนมีประกันภัยรถภาคบังคับอย่างทั่วถึง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากอุบัติเหตุและสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนได้
นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวรายงาน โดยชูศักยภาพจังหวัดสู่เมืองต้นแบบ Road Safety – ดันมาตรการลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืนหนุนประกันภัยรถภาคบังคับสร้างหลักประกันชีวิต พร้อมรับมือความ ท้าทายบนเส้นทางเสี่ยง โดยแสดงความมั่นใจในศักยภาพของจังหวัดในการขับเคลื่อนมาตรการความปลอดภัยทางถนนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมย้ำบทบาทสำคัญของระบบประกันภัย ในฐานะเครื่องมือเสริมสร้างหลักประกันชีวิตและบรรเทาความสูญเสียให้กับประชาชน ในการปาฐกถาในหัวข้อ “ศักยภาพจังหวัดปราจีน เมืองต้นแบบ Road Safety” โดยกล่าวว่า จังหวัดปราจีนบุรีสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ตามเป้าหมายของแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์อุบัติเหตุใหญ่บนเส้นทางเสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา ยังคงสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการด้านความปลอดภัยต้องได้รับการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง การได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ ไม่ใช่เพียงโอกาส แต่คือความรับผิดชอบที่ต้องเดินหน้าขับเคลื่อนอย่างจริงจัง โดยความปลอดภัยทางถนนนั้น ไม่ได้หยุดอยู่แค่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ต้องครอบคลุมทั้งการ สร้างวินัยจราจร การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น การแก้ไขพฤติกรรมเสี่ยง และสร้างความตระหนักรู้ในสังคม
รวมถึงความเข้าใจเรื่องประกันภัย ที่จะช่วยเยียวยาความสูญเสียและสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้ประชาชน พร้อมเน้นย้ำว่า ระบบประกันภัยถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบจากอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการเยียวยาความเสียหาย และการสนับสนุนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย ผ่านความร่วมมือระหว่างภาคประกันภัย ภาครัฐ และเอกชน ต้องส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงประกันภัยรถภาคบังคับอย่างทั่วถึง เพราะเป็นหลักประกันความมั่นคงที่จำเป็นและช่วยแบ่งเบาภาระที่เกิดจากความสูญเสียให้กับทุกคนได้
