HoonSmart.com>> “ธนาคารทหารไทยธนชาต” (TTB) เซ็นสัญญาซื้อหุ้น “บล.ธนชาต” สัดส่วน 89.97% จาก “ทุนธนชาต” (TCAP) มูลค่า 3 พันล้านบาท หลังบอร์ดไฟเขียวเข้าเทกโอเวอร์ หนุนถือหุ้น 99.97% ชู Synergy ใน 3 ด้านหลัก เสริมสร้างศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร
ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เปิดเผยว่าตามที่มติคณะกรรมการธนาคารอนุมัติให้เรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2568 แล้วนั้น
เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2568 ธนาคารได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นในบล.ธนชาต กับ บริษัท ทุนธนชาต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นจำนวน 2,698,959,721 หุ้น คิดเป็น 89.97% ของหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดของบล.ธนชาต ซึ่งเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากบริษัท ทุนธนชาต เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับธนาคารฯ ตามประกาศและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคารฯ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อม 24.97% โดยจะเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 21 เม.ย.2568
ทั้งนี้ เบื้องต้นมูลค่าทางบัญชีของบล.ธนชาต ปรับปรุงด้วยรายการที่ตกลงกัน จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่คำนวณโดยอ้างอิงข้อมูลสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมในบัญชีเพื่อการจัดการ (management account) ณ วันที่ 30 ก.ย.2567 อย่างไรก็ตาม มูลค่าดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงได้ตามบัญชีเพื่อการจัดการ (management account) ล่าสุด และการลงทุนสุดท้ายจะถูกปรับปรุงด้วยส่วนต่างของมูลค่าทางบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงิน ณ วันที่เข้าทำธุรกรรมตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายหุ้นฯ และคาดว่าธุรกรรมฯ จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในไตรมาส 3 ปี 2568
สำหรับวัตถุประสงค์ในการซื้อหุ้น ซึ่งจะเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในธุรกิจมายาวนาน
ทั้งนี้ การดำเนินการซื้อขายหุ้นดังกล่าวขึ้นอยู่กับการปฏิบัติเงื่อนไขบังคับก่อน ตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นอย่างครบถ้วน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่ระบุในสารสนเทศเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นในบล.ธนชาตที่ธนาคารได้แจ้งเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2568
การเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้ เพราะเล็งเห็นถึงการรับผลประโยชน์ทางธุรกิจ (Synergy) ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.ผลประโยชน์ด้านรายได้ (Revenue Synergy) ที่จะเกิดจากการยกระดับการให้บริการผ่านจุดแข็งของบล.ธนชาต ซึ่งเป็นบล.ชั้นนำที่อยู่ในธุรกิจมาอย่างยาวนานและมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าหากเข้ามาเป็นบริษัทย่อยของธนาคาร ที่จะเข้ามาช่วยเสริมการให้บริการสำหรับลูกค้ารายย่อยกลุ่ม Wealth Ecosystem โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลงทุนให้มีความครบครันในที่เดียว (One Stop Service) และช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการพอร์ตความมั่งคั่ง (Wealth Management) ได้ครบทุกแง่มุมการลงทุนแบบ 360 องศา
นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนบริการวาณิชธนกิจ บริการด้านตลาดทุนและการนำเสนอเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ สำหรับลูกค้าธุรกิจให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
2.ผลประโยชน์ด้านต้นทุนทางการเงิน (Funding Synergy) ที่จะเกิดจากการมีความยืดหยุ่นและทางเลือกในการจัดหาเงินทุน รวมไปถึงโอกาสในการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคาร เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับบล.ธนชาต ในการให้บริการกับลูกค้า ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้การบริหารต้นทุนทางการเงินของทั้งะนาคารและบล.ธนชาต มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.การรับรู้ผลประโยชน์ด้านต้นทุน (Cost Synergy) จากการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในและการใช้ Faculity ร่วมกันในการให้บริการด้านการลงทุน วาณิชธนกิจและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน