โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP
เห็นตำราหลายเล่มบอกถึงการจัดการเงินของคนรวย เลยมีคนชอบถามมาว่า “ถามจริงๆ คนรวยเค้าจัดการเงินอย่างที่พูดรึปล่าว” ก็เลยค้นหาจาก google พบงานวิจัย “7 นิสัยพึงมี….ถ้า อยากรวย” จากเว็บ topup2richblog งานวิจัยนี้จัดทำโดย โธมัส สแตนลีย์ ผู้สัมภาษณ์ “เศรษฐีข้างบ้าน” มาแล้ว 1,100 คน พบว่า “คนที่รวยจริงๆ”อาจมีวิธีสร้างตัวต่างกัน แต่กลับมีนิสัยเหมือนกัน 7 ประการต่อไปนี้
1) เลือกอาชีพที่ “ใช่”
“เจ้าของเงินล้าน” อาจมีอาชีพหลากหลาย แต่สำคัญมันต้องเป็นอาชีพที่ “ใช่” สำหรับเขาเท่านั้น จริงอยู่ที่ผู้ประกอบการมีโอกาสเป็น “เจ้าของเงินล้าน” เร็วกว่าคนทั่วไป 4 เท่า แต่กระนั้นก็ไม่พบว่ามีธุรกิจประเภทหนึ่งประเภทใดที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าประเภทอื่นๆ สรุปว่าความร่ำรวยมาจากลักษณะนิสัยของพวกเขา มากกว่าประเภทธุรกิจที่เลือกทำ ซึ่งข้อนี้ต่างจากที่พวกเราชอบทำกันคือ เลือกอาชีพที่นิยม มากกว่าอาชีพที่ใช่ อย่างเช่น ช่วงร้านกาแฟบูม ก็แห่กันเปิดร้านกาแฟจนเต็มไปหมด ในที่สุดหลายๆร้านก็ต้องพับกระเป๋ากลับบ้านขาดทุนกันไป
2) มุ่งสร้างตัวด้วยสองมือเปล่า ไม่สนใจมรดกหรือการสนับสนุนจากพ่อแม่
80% ของ “เจ้าของเงินล้าน” สร้างเงินล้านด้วยมือเขาเองล้วนๆน้อยคนที่จะพี่งพาพ่อแม่หรือเฝ้ารอมรดกยิ่งเริ่มต้นจากมือเปล่า พวกเขาก็ยิ่งแกร่ง เจ้าของเงินล้านส่วนใหญ่สามารถยืนได้บนลำแข้งของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย
3) ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการวางแผนสร้างตัว
“เจ้าของเงินล้าน” มักใช้เวลาเฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมงต่อเดือนกับการวางแผนชีวิต ขณะที่คนทั่วไปใช้เวลาคิดแต่เรื่องหา……….ความสุข หลายคนเมื่อพูดถึงเรื่องการวางแผนการเงินมักจะบอกว่าไม่มีเวลาทั้งที่จริงๆใช้เวลาน้อยมากไม่กี่นาทีในแต่ละวัน แต่กลับมีเวลาเดินตลาดเพื่อใช้จ่ายเงินวันละกว่าชั่วโมง
4) ให้ความสำคัญกับอิสรภาพทางการเงินมากกว่าสถานะทางสังคม
“เจ้าของเงินล้าน” ตัวจริงชอบใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลาง อยู่ในบ้านขนาดพอสบาย ขับรถยี่ห้อทั่วๆไปที่ใช้งานได้ดี พวกเขาไม่ชอบแข่งขันเอาหน้ากับใคร จึงไม่ต้องมีหนี้ก้อนใหญ่ไว้คอยฉุดดึงชีวิต วันก่อนได้ไปร่วมบรรยายเรื่องการวางแผนการเงิน พบว่า สาเหตุหนึ่งของการมีหนี้เยอะ คือ การชอบเปรียบเทียบกับชาวบ้าน เห็นข้างบ้านมีอะไรแล้ว ต้องมีมากกว่า ดีกว่า ไม่รู้แข่งขันไปได้ประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายคนที่ happy คือ คนขายของ ส่วนคนที่ทุกข์ คือ ตัวเราเอง
WARREN BUFFETT เคยให้แนวคิดเกี่ยวกับการใช้จ่ายสั้นๆแต่โดน ว่า “If you buy things you don’t need, soon you will have to sell things you need.”
5) ใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล
คนส่วนใหญ่ถึงทำงานหนัก กระเป๋าหนัก แต่มักใช้จ่ายหนักด้วย จึงรวยไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกับ“เจ้าของเงินล้าน” ที่ทั้งทำงานหนัก กระเป๋าหนัก แต่คิดหนักด้วยเมื่อใช้จ่ายเปรียบคนทั่วไปเป็นนักฟุตบอลกองหน้าที่มุ่งแต่จะทำเกม จนเสียประตู แต่คนรวยพวกนี้ให้ความสำคัญกับการรักษาประตูเท่า ๆ กับการทำเกม ตัวอย่างง่ายๆ ที่เห็นได้ชัด คือ “The Latte Effect” : skip coffee and make money” เพียงแค่เราประหยัดกาแฟแพงๆแก้วละ 100 บาท วันละแก้ว 1 ปีเราจะมีเงินเก็บ 36,500 บาท แต่ถ้าเงินที่เก็บทุกวันเราสร้างผลตอบแทนได้ 8%/ปี 1 ปีเราจะมีเงินเก็บ 38,000 บาท ถ้าเราเก็บอย่างนี้ไปได้เรื่อยๆ เพียง 10 ปี เราจะมีเงินออมที่เพิ่มจากการประหยัดกาแฟถึง 560,000 บาท นี่แค่ประหยัดกาแฟ 1 แก้ว ถ้าเราประหยัดกาแฟได้ 2 แก้ว เราก็จะมีเงินเก็บ 1,120,000 บาทเลยทีเดียว เงินล้านมีได้ไม่ยากเลย เห็นมั๊ยครับ
6) มุ่งมองหาสิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ
“เจ้าของเงินล้าน” ไม่ชอบลงทุนกับสิ่งไร้สาระ แต่จะลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้เขาร่ำรวยขึ้น พวกเขาสนใจเรื่องหลากหลาย ตลาดใหม่ๆ ซอฟท์แวร์ดีๆ คำแนะนำเรื่องภาษีกฎหมาย เทคโนโลยี ข่าวสาร การศึกษา ฯลฯ สิ่งใดที่ทำให้ชีวิตเขาพัฒนาเขาก็พร้อมจะลงทุนกับมัน เราอาจเริ่มง่าย ๆ แค่ลดเวลาดูละครน้ำเน่าลงซักนิด แบ่งเวลามาอ่านหนังสือที่ดีมีประโยชน์ ติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจบ้าง แค่เดือนเดียวเราจะรู้สึกเลยว่า “เอ๊ะ เราฉลาดขึ้นนะเนี่ย”
7) สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกหลานพึ่งพาตัวเอง
อย่าให้ลูกหลานมาผลาญเงินเราได้ ต้องสอนให้ลูกหลานหัดทำมาหากินด้วยลำแข้งตัวเอง มรดกที่ดีที่สุด ที่จะให้ลูกหลาน คือ การศึกษา เราต่างคุ้นเคยกับสุภาษิต “ให้ปลาฉันหนึ่งตัว ฉันมีกินแค่หนึ่งวัน สอนฉันจับปลา ฉันมีกินตลอดไป” ถ้าเราให้แต่เงินลูกหลาน เมื่อเงินหมด ลูกหลานก็จะลำบากไม่รู้จะหากินอย่างไร แต่ถ้าเราให้ความรู้ ลูกหลานก็จะพัฒนาหาเลี้ยงชีพได้ต่อไป แต่ถ้าให้ดีขึ้นไปอีก ก็สอนลูกขายปลาด้วยเลย เพราะถ้ามีแต่ความรู้อย่างเดียว อาจต้องกินแต่ปลาตลอดชีวิต ถ้ารู้จักขายปลา ก็จะสามารถเอาความรู้มาใช้หากิน ได้เงินมาซื้อหมู ไก่ กินได้เพิ่มขึ้นอีก
ดูนิสัยการจัดการเงินของคนรวยก็สมเหตุสมผลที่จะทำให้รวยได้ ยังไงก็ลองดูนะ เอาใจช่วยเสมอ ส่วนผมก็จะทำบ้าง อยากรวยเหมือนกัน